*ผอ.ท่าอากาศสุวรรณภูมิ ยืนยันมาตรฐานตรวจวัตถุอันตรายของสนามบิน*

25 มิถุนายน 2558, 16:35น.


การตั้งข้อสังเกตุหลังพล.ต.ท. คำรณวิทย์  ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวที่ท่าอากาศยานนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น กรณีมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง ในวันนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้นำสื่อมวลชนมาร่วมสังเกตการณ์การสแกนวัตถุผ่านเครื่องตรวจวัตตถุระเบิดCTX 9400 DSIด้วย นายศิโรตม์  ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ได้เดินทางเข้ามายังท่าอากาศยานในช่วงประมาณ 20.57ของวันที่ 18 มิถุนายน 2558 โดยได้เข้าสแกนการตรวจสัมภาระและเข้าเช็คอินในช่วง 21.10น. ก่อนจะขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่นเวลา 23.50น.โดยการตรวจเป็นไปตามมาตรฐานสากล ยืนยันว่าจากการตรวจสอบกระเป๋าทั้งสามใบของพล.ต.ท. คำรณวิทย์ ที่ทั้งพกขึ้นเครื่องและโหลดใต้เครื่องนั้นไม่พบวัตถุอันตรายหรืออาวุธปืน และสแกนผ่านเครื่องได้ตามปกติ ส่วนพล.ต.ท. คำรณวิทย์ ก็มีท่าทีปกติไม่ได้มีความพิรุธหรือการไม่ยอมให้ตรวจค้น 



มั่นใจว่า การตรวจสอบได้มาตรฐานสากลและระบบการตรวจสอบหรือเครื่องสแกนก็เป็นมาตรฐานเดียวกับท่าอากาศยานในประเทศต่างๆและการตรวจสอบก็มีการตรวจสอบใน 5 ระดับ รวมทั้งเจ้าหน้าทีก็ทำการตรวจค้นอย่างเคร่งครัด ซึ่งการท่าอากาศยานมั่นใจว่าไม่น่าเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่หรือเครื่องสแกนใดๆ



สำหรับเครื่องสแกนที่ตรวจค้นวัตถุระเบิดนั้นเป็น CTX 9400 DSI  ที่สามารถตรวจจับวัตถุระเบิดหรือวัตถุที่ก่อให้เกิดอันตรายกับท่าอากาศยานได้ และสามารถตรวจค้นดินปืนที่มีขนาดเกิน 300 มิลลิกรัมได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่พบในกระเป๋าของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ พร้อมยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือการนำปืนขึ้น เพราะการท่าอากาศยานมีมาตรการตรวจค้นเพื่อความปลอดภัยในทุกระดับไม่เว้นบุคคลพิเศษ ส่วนขณะนี้ยังไม่มีการลงโทษหรือตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานที่ตรวจค้นพล.ต.ท. คำรณวิทย์  อย่างไรก็ดีการท่าอากาศยานยังไม่ทราบว่าปืนดังกล่าวมาจากไหนและไม่ทราบว่าเป็นการไปซื้อในญี่ปุ่นหรือไม่ พร้อมระบุว่าขณะนี้ไม่สามารถตรวจหาหลักฐานจากเครื่อง CTX ได้แล้วเนื่องจากภาพมีอายุ 3 วันเท่านั้น



ด้านนางอุษณีย์  แสงสิงแก้ว กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจะให้อนุญาตนำอาวุธขึ้นเครื่องได้นั้นมีขั้นตอนจำนวนมาก และส่วนมากผู้ที่จะนำอาวุธขึ้นได้คือนักกีฬาหรือบุคคลที่ต้องใช้อาวุธปืน ซึ่งต้องติดต่อเจ้าหน้าที่มาล่วงหน้าพร้อมระบุเหตุผลที่ต้องนำอาวุธขึ้นเครื่องเพื่อให้เจ้าหน้าที่อนุญาต และหากอนุญาตแล้วต้องนำปืนโหลดไว้ใต้เครื่องโดยแยกกระสุนออกจากตัวเครื่องทุกกรณีไม่มีการยกเว้น ซึ่งกรณีพล.ต.ท. คำรณวิทย์ ไม่มีการขออนุญาตนำปืนขึ้นเครื่องและไม่มีการตรวจพบวัตถุดังกล่าวหรือวัตถุอันตรายด้วย ทั้งนี้การนำอาวุธปืนไปจะมีการแจ้งท่าอากาศยานทุกประเทศเพื่อให้ทราบล่วงหน้าด้วย



ส่วนนาย เพ็ชร ชั้นเจริญ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ [สายปฎิบัติการ] ระบุว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานเป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ 2497 และสอดคล้องกับระเบียบขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือ ICAO ในอนาคตจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบการทำงานความปลอดภัยเพื่อป้องกันปัญหานี้และจะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบ และขณะนี้ยังไม่มีการประสานงานกับทางญี่ปุ่น แต่ได้ส่งข้อมูลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตามที่ขอมาแล้ว

ข่าวทั้งหมด

X