+++รัฐสภาฝรั่งเศส มีมติผ่านร่างกฎหมายสอดแนม ที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลการสื่อสารทางโทรศัพท์และดิจิตอล สำหรับใครก็ตามเชื่อมโยงกับการสืบสวนการก่อการร้าย โดยไม่จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากผู้พิพากษาก่อน และบังคับให้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์ ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่เมื่อมีการร้องขอ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังมีสิทธิ์ในการติดตั้งกล้องและอุปกรณ์บันทึกเสียงในที่พักอาศัย และติดตั้งโปรแกรมจดจำคีย์ ที่จะบันทึกทุกการกดแป้นพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ของเป้าหมายได้ โดยข้อมูลที่บันทึกได้มีอายุการใช้งาน 1 เดือน กฎหมายฉบับนี้แม้จะได้รับความเห็นชอบอย่างมาก แต่ก็ยังมีกระแสถกเถียงอย่างมากถึงความเหมาะสม ทั้งจากนักการเมืองบางส่วน รวมถึงกลุ่มสิทธิมนุษยชนอย่างองค์กรนิรโทษกรรมสากล (เอไอ) นางกัวรี ฟาน กูลิก ผู้อำนวยการเอไอภาคพื้นยุโรป กล่าวเมื่อต้นปีว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังคงคลุมเครือและเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สามารถตอบได้ ซึ่งรัฐสภาจำเป็นต้องชี้ให้เห็นว่า มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองประชาชน ไม่ใช่เพื่อละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของพวกเขา
+++การโหวตเห็นชอบกฎหมายสอดแนมของฝรั่งเศส เกิดขึ้นหลังจากที่วิกิลีกส์ เปิดเผยว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) รัฐบาลสหรัฐฯ สอดแนมประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศสคนปัจจุบัน และอดีตประธานาธิบดีอีก 2 คน ตั้งแต่ 2549 - 2555 เป็นอย่างน้อย ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่กระทบทั้งในระดับรัฐบาลและความรู้สึกของประชาชน
+++ฝรั่งเศสเรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐฯให้มาพบทันที เพื่อขอคำอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส ได้เรียก เจน ฮาร์ตลีย์ เอกอัครราชทูตอเมริกัน เข้าพบ ลอรองต์ ฟาเบียส รัฐมนตรีต่างประเทศ เพื่อขอให้ชี้แจงเรื่องนี้ และ นายออลลองด์ เรียกประชุมฉุกเฉินคณะรัฐมนตรีตลอดจนหน่วยงานความมั่นคง พร้อมกับระบุว่า พฤติการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่ รับไม่ได้ การเปิดโปงล่าสุดถึงการแอบล้วงความลับในระหว่างชาติพันธมิตรตะวันตก มีขึ้นหลังจากเอ็นเอสเอ ได้ถูกเปิดโปงเมื่อปี 2013 ว่าแอบสอดแนมเยอรมนี โดยที่สำนักงานข่าวกรอง บีเอ็นดี ของเยอรมนีเองก็ได้ร่วมมือกับเอ็นเอสเอ ในการสปายพวกเจ้าหน้าที่และบริษัทต่างๆ ทั่วทั้งยุโรป รวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล
+++สำนักประธานาธิบดี แถลงระบุว่า ฝรั่งเศสจะไม่ยอมอดกลั้นต่อการกระทำที่คุกคามความมั่นคงของประเทศเช่นนี้ รวมทั้งจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ พร้อมยืนยันว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเปิดโปงว่า สหรัฐฯสอดแนมผลประโยชน์ของฝรั่งเศส รวมทั้งทวงสัญญาที่สหรัฐฯเคยให้ไว้เมื่อปลายปี 2013 ว่าจะไม่สอดแนม
+++นายดิดิเยร์ เลอ เบรต ผู้ประสานงานด้านข่าวกรองแห่งชาติของฝรั่งเศสจะเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อหารือทำความเข้าใจระหว่างฝรั่งเศสกับสหรัฐฯซึ่งทำความตกลงกันไว้เมื่อปี 2556 ว่าจะไม่จารกรรมความลับกัน
+++ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ต่อสายตรงพูดคุยโทรศัพท์กับนายออลลองด์ ย้ำถึงคำสัญญาของสหรัฐฯว่าจะยุติพฤติการณ์สอดแนมที่ถูกเหล่าชาติพันธมิตรมองว่าเป็นสิ่งที่ รับไม่ได้ หลังถูกวิกิลีกส์ แฉว่าลอบดักฟังการติดต่อสื่อสารของประมุขฝรั่งเศสตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 3 คน
+++เวปไซต์สถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ คำแถลงของนายกลิน ทาวเซนด์ เดวีส์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ได้เข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการต่างประเทศของวุฒิสภา เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติ ก่อนมีการลงคะแนนของวุฒิสภาสหรัฐฯว่าจะรับรองการแต่งตั้งหรือไม่ โดยนายเดวีส์ แถลงว่า ประเทศไทยและสหรัฐฯ มีมิตรภาพร่วมกันมายาวนาน ไทยเป็นหนึ่งในพันธมิตรคู่สนธิสัญญาที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯในเอเชีย แม้ว่าสหรัฐฯจำเป็นต้องจำกัดความสัมพันธ์บางด้านกับไทยหลังเหตุการณ์รัฐประหารโดยทหารเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 ความสัมพันธ์ทวิภาคีนี้ยังคงกว้างขวางและก่อประโยชน์อย่างยิ่งแก่ทั้งสองประเทศ ความแตกแยกทางการเมืองภายในประเทศไทยถลำลึกลงไปอย่างมาก นำไปสู่การแบ่งขั้วไม่เพียงระดับการเมืองเท่านั้นแต่ยังแผ่ขยายไปถึงสังคมไทยโดยรวมอีกด้วย สหรัฐฯไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดในความขัดแย้งนี้ ยืนยันว่า ประชาธิปไตยจะสามารถเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประชาชนชาวไทยเลือกผู้แทนและผู้นำของตัวเองได้อย่างอิสระและอย่างเท่าเทียม
+++นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย แถลงยืดระยะเวลามาตรการห้ามนำเข้าอาหารจากประเทศตะวันตกออกไปอีก 1 ปี เพื่อโต้ตอบต่อสหภาพยุโรป (อียู) ที่ออกมาประกาศก่อนหน้านี้ ว่าจะขยายเวลามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียออกไปจนถึงเดือน ม.ค. ปีหน้านายปูติน กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของมาตรการนี้เป็นไปเพื่อรับประกันความมั่นคงของประเทศ และนี่ยังถือเป็นโอกาสที่ดีในการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคสินค้าในประเทศ รวมถึงส่งเสริมผู้ผลิตและเกษตรกรท้องถิ่นด้วย ทั้งนี้ มาตรการโต้กลับของทางการรัสเซียเริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยห้ามไม่ให้มีการนำเข้าผลไม้ ผัก เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลา นม และผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ จากสหรัฐ กลุ่มประเทศอียู ออสเตรเลีย แคนาดา และนอร์เวย์ โดยกระทรวงเกษตรรัสเซีย เปิดเผยว่า อาจมีการพิจารณาเพิ่มเติมรายการสินค้าขนมหวาน ปลากระป๋อง และดอกไม้ เข้าไปในมาตรการห้ามนำเข้านี้ด้วย
+++ประธานาธิบดีโอบามา แถลงเรื่องการแก้ไขปรับเปลี่ยนแนวนโยบายในการจ่ายค่าไถ่แก่กลุ่มก่อการร้าย ยืนยันว่าจะยังคงยึดตามหลักการที่มีมายาวนาน ในการไม่ยินยอม ต่อรองกับกลุ่มก่อการร้ายไม่ว่าในกรณีใด รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถให้ความช่วยเหลือเป็นคนกลางในการสื่อสารกับผู้ก่อการร้ายในนามของครอบครัวผู้เสียหายได้ แต่ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่จ่ายเงินค่าไถ่หรือเป็นฝ่ายเสนอข้อต่อรองโดยตรง ฝ่ายที่สนับสนุนนโยบายไม่จ่ายค่าไถ่มองว่า การยินยอมตามข้อเรียกร้องจ่ายเงินค่าไถ่ ไม่ต่างอะไรกับการสนับสนุนด้านการเงินให้กับองค์กรก่อการร้าย ซึ่งจะยิ่งทำให้ชาวอเมริกันตกเป็นเป้าหมายของการลักพาตัวมากขึ้น ขณะที่ความคิดเห็นจากอีกฝ่ายระบุว่า เป็นเรื่องไม่คุ้มค่าที่จะยอมทิ้งชีวิตของตัวประกันชาวอเมริกันเหล่านั้น และอ้างถึงตัวประกันชาวยุโรปที่ได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัยหลังมีการจ่ายค่าไถ่ ทั้งนี้ รายละเอียดของแถลงการณ์ยังระบุถึงการจัดตั้งหน่วยพิเศษขึ้นมารับผิดชอบเรื่องนี้ ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างสำนักงานสืบสวนกลาง (เอฟบีไอ) สำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) และกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีเอฟบีไอเป็นผู้นำ. “
+++ที่ประเทศโซมาเลีย เกิดเหตุคนร้ายขับรถยนต์ที่ซุกซ่อนระเบิด พุ่งเข้าใส่ขบวนรถเจ้าหน้าที่ทางการทูตของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) บนถนนแห่งหนึ่งใจกลางกรุงโมกาดิชู โดยรถคนร้ายปะทะเข้ารถบรรทุกของเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงที่อารักขามา ทำให้เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ศพ รวมถึงคนร้ายด้วย และบาดเจ็บ 4 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เบื้องต้นไม่มีเจ้าหน้าที่ของยูเออีได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต กลุ่มอัล-ชาบับ ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มก่อการร้ายไอเอสในอิรักและซีเรีย ออกมาอ้างความรับผิดชอบ กรณีนี้นับเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ของยูเออีตกเป็นเป้าหมายการโจมตีจากกลุ่มติดอาวุธ โดยรัฐบาลยูเออีเป็นประเทศหนึ่งที่เข้ามามีส่วนให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โครงการด้านมนุษยธรรม และความมั่นคงในโซมาเลีย ก่อนหน้านี้ อัล-ชาบับ ประกาศจะยกระดับการโจมตีรัฐบาลในช่วงการถือศีลอดเดือนรอมฎอนซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยจนถึงขณะนี้ มีรายงานเหตุลอบสังหารเจ้าหน้าที่รัฐแล้วอย่างน้อย 10 ครั้ง
+++บีบีซี รายงานว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากอากาศร้อนจัดในปากีสถานเพิ่มเป็นอย่างน้อย 838 ศพ ในจำนวนนี้ ราว 800 ศพ อยู่ในเมืองการาจี เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในจังหวัดสินธ์ทางภาคใต้ ส่วนอีกราว 38 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตในเมืองอื่นๆ ของจังหวัดสินธ์ สถานการณ์เมื่อวานนี้ เริ่มทุเลาลงเมื่อมีลมฝนที่พัดเข้ามาจากทะเลก่อนช่วงฤดูมรสุมที่กำลังจะมาถึง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณถึงการสิ้นสุดของคลื่นความร้อนรุนแรงที่กระหน่ำพื้นที่ทางภาคใต้ของประเทศมาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ อุณหภูมิในเมืองการาจีที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดลดลงเหลือเพียง 34 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนหนึ่งคือการไม่มีไฟฟ้าใช้ ทำให้ประชาชนต้องทนกับสภาพอากาศร้อนจัดโดยปราศจากเครื่องปรับอากาศและพัดลม ขณะที่อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ คือการที่ประชาชนไม่สามารถดื่มน้ำได้ก่อนช่วงตะวันตกดิน เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในระหว่างการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
+++ปัญหาหนี้สินกรีซ นายเจอโรน ดิจสเซลโบลม ประธานยูโรกรุ๊ป และรัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่ากรีซและเจ้าหนี้ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำให้เสร็จก่อนที่พวกเขาจะบรรลุข้อตกลงเรื่องจัดหาเงินกู้แลกกับการปฏิรูปเพื่อช่วยให้กรีซไม่ผิดนัดชำระหนี้ในวันอังคารหน้า ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่บรรลุข้อตกลง ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำให้แล้วเสร็จ ก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสหภาพยุโรป(อียู)กล่าวว่าว่ากรีซและเจ้าหนี้นานาชาติยังเห็นไม่ตรงกันในหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องการปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญ ภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต)และการเก็บภาษีนิติบุคคล
CR:แฟ้มภาพ