*รองอธิบดีกรมชลประทาน ย้ำลดการระบายน้ำไม่กระทบผลิตไฟฟ้า*

24 มิถุนายน 2558, 17:49น.


สถานการณ์น้ำภาพรวมในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในสี่เขื่อนหลัก  นาย สุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่ทีการประกาศให้เริ่มเพาะปลูกข้าวไปตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมแต่ประสบปัญหาฝนไม่ตกต้องตามฤดู ทำให้ต้องมีการปรับแผนการส่งน้ำ จากเดิมที่กรมชลประทานได้ลดการระบายน้ำจาก 60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเหลือวันละ 30-35 ล้านลูกบาศก์เมตร ล่าสุดกรมชลประทานได้สั่งปรับลดการระบายน้ำลงอีกประมาณวันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตรให้เหลือการระบายน้ำวันละ 28 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันในสี่เขื่อนของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะเริ่มปรับลดเหลืออัตราดังกล่าวลงเรื่อยๆให้เหลือ 28 ล้านลูกบาศกเมตรตั้งแต่วันจันทร์นี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับทุกภาคส่วนที่ต่างมีความต้องการใช้น้ำ และจะทำให้มีน้ำใช้ถึงเดือนสิงหาคมเพื่อรอฝนตกได้แน่นอน กรมชลประทานยังคาดด้วยว่าในเดือนกรกฎาคม ฝนก็จะยังตกไม่ถูกต้องตามฤดูกาล และฝนจะเริ่มมาในเดือนสิงหาคม โดยคาดว่าจะมีปริมาณฝนที่ 200 มิลลิเมตร ซึ่งยอมรับว่ายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยน้ำฝนของทุกปี



อย่างไรก็ตามคาดการณ์ล่วงหน้าว่า เมื่อถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 น้ำในสี่เขื่อนหลักต้องมีเหลือปริมาณ 3,500ล้านลูกบาศก์เมตรเพื่อไว้ใช้เฉพาะอุปโภคบริโภคไปจนถึงช่วงฝนของปีหน้า ส่วนการทำนาปีในปีนี้ทราบมาว่ามีการเพาะปลูกไปแล้วกว่า 3.44ล้านไร่จากพื้นที่เกษตรทั้งหมด 7.45 ล้านไร่ ซึ่งในพื้นที่ 3.44 ล้านไร่นี้มีพื้นที่เสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำอยู่ 8.5 แสนไร่ โดยกระจายอยู่ในหลายจังหวัดเช่น ชัยนาทและพิษณุโลก ซึ่งบางส่วนเป็นพื้นที่ท้ายเขื่อนทำให้ได้รับน้ำน้อย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมติให้กรมทรัพยากรบาดาลช่วยขุดลอกน้ำบาดาลช่วยเกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงแล้ว เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด และจะประสานร่วมกับฝ่ายความมั่นคงให้ดูแลเพิ่มด่วย นอกจากนี้จะมีการสแกนพื้นที่เสี่ยงอื่นเพิ่ม ส่วนพื้นที่ที่เหลือใน 3.44 ล้านไร่ กรมชลประทานจะพยายามเร่งให้น้ำให้มากที่สุด และเชื่อว่าเกษตรกรยังช่วยเหลือตัวเองได้อยู่



ส่วนการลดการระบายน้ำยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบกับการผลิตกำลังไฟฟ้า โดยได้ประชุมร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยแล้ว และการไฟฟ้าเองก็มีการซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านและการผลิตจากแหล่งอื่นด่วย ส่วนการแย่งกันใช้น้ำได้ขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ใช้น้ำให้ประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดการจัดสรรน้ำและในพื้นที่ต่างๆก็มีการตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการส่งข้อมูลมายังส่วนกลางและระบุอย่างชัดเจนว่าต้องการการจัดสรรน้ำเท่าใด นอกจากนี้ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมชลประทานได้เป็นผู้กำหนดแนวทางในการจัดสรรระบบน้ำ ซึ่งถ้าที่ใดมีปัญหาก็จะให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมาช่วยเหลือ อย่างไรก็ดียอมรับว่ามาตรการดังกล่าวอาจไม่ช่วยให้ลดปัญหาการแย่งน้ำได้ทั้งหมด แต่จะพยายามลดให้ได้มากที่สุดพร้อมรับว่าทุกวันนี้ก็ยังเห็นการแย่งน้ำอยู่ นาย สุเทพ ระบุด้วยว่า การมีฝนหลวงแค่ช่วยให้เกิดความชุ่มชื้นในพื้นที่เท่านั้น คงไม่ได้ช่วยปัญหาน้ำได้ทั้งหมด พร้อมระบุว่าขณะนี้ไม่มีแหล่งน้ำใดที่จะนำน้ำมาเข้าสู่เขื่อนทั้งสี่ในลุ่มเจ้าพระยาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้แล้ว



 



ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร รายงาน 

ข่าวทั้งหมด

X