สถานการณ์น้ำในปัจจุบันและวิกฤตภัยแล้งซึ่งส่งผลต่อการทำนาปีของเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด ดร. ทองเปลว กองจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนต่างๆทั่วประเทศกว่า 33 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 32,000ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 46 ของความจุระดับเก็บกักทั้งหมด แต่เป็นน้ำที่สามารถน้ำมาใช้ได้เพียงร้อยละ 18 หรือ 8,600ล้านลูกบาศก์เมตร โดยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่มีปัญหาภัยแล้งและน้ำน้อยอยู่นั้น มีการใช้น้ำจากสี่เขื่อนหลัก คือเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งเขื่อนภูมิพลมีน้ำอยู่ 4100ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 30จากความจุที่ระดับกักเก็บ แต่มีน้ำใช้การได้ 305 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีน้ำอยู่ร้อยละ 4,131 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ใช้ได้ 581 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ก็มีน้ำใช้การได้เพียงร้อยละ 9และร้อยละ7 จากระดับกักเก็บเท่านั้น เมื่อรวมสี่เขื่อนแล้วจะมีน้ำใช้การได้ 1035 ล้านลูกบาศก์เมตร ฃ
ขณะนี้กรมชลประทานได้ปรับลดการส่งน้ำลงจากเดิมที่วันที่ 9 มิถุนายนที่ส่ง60ล้านลูกบาศก์เมตรเหลือ 30-35ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมยอมรับว่าจากอิทธิพลของปรากฎการณ์เอลนินโย่ทำให้ฝนไม่ตกตามฤดูและทำให้ไม่มีน้ำไหลเข้าอ่างจึงต้องลดการส่งน้ำเหลือ 30-35 ล้านลูกบาศก์เมตร ซี่งจะให้การอุปโภคบริโภคและระบบนิเวศ 13 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนที่เหลือจะกระจายให้เกษตรกรที่ปลูกนาปีไปก่อนหน้าแล้วกว่า 3.44 ล้านไร่พร้อมทั้งจะมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไปและมั่นใจว่าน้ำที่มีอยู่มีพอต่อการอุปโภคบริโภค ส่วนการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทานก็ได้ปรับแก้ลดการส่งน้ำตามลำดับจนวันจันทร์นี้จะลงเหลือประมาณ 28 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเพื่อให้เหลือถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมที่คาดว่าจะมีน้ำฝนเข้ามาช่วงดังกล่าว
ส่วนภาวะภัยแล้งขณะนี้ยอมรับว่ารุนแรงมากในรอบ 20 กว่าปี เนื่องจากฝนตกแค่บางพื้นที่ ซึ่งในพื้นที่เกษตรไม่มีฝนตกลงมาจึงทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการทำการเกษตร จึงได้มีมาตรการหมุนเวียนการใช้น้ำในภาคเกษตรและสั่งให้ชะลอการเพาะปลูกจนกว่าฝนจะตกลงมา นอกจากนี้ยังมีการขุดบ่อบาดาลในพื้นที่เพาะปลูกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรกว่า 500บ่อ
ดร.ทองเปลว กล่าวว่า ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาขณะนี้มีการเพาะปลูกกว่า 4 ล้านไร่จาก 7.45ล้านไร่ ซึ่งใน 4 ล้านไร่มีพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำอยู่ 8.5แสนไร่ ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่ได้เพาะปลูกกว่า 3 ล้านไร่ ได้สั่งให้รอน้ำฝน และยืนยันว่ารัฐบาลจะพยายามช่วยเกษตรกรเต็มที่ ส่วนในการจัดสรรน้ำจะคำนึงถึงการอุปโภคบริโภคและการรักษาระบบนิเวศก่อนจะส่งน้ำเพื่อการเกษตรและหากส่งน้ำให้การเกษตรก็จะให้พื้นที่ลุ่มต่ำก่อนจากนั้นให้พื้นที่ลุ่มดอน ส่วนการทำฝนหลวงมีการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งว่าหากมีปัจจัยเอื้อก็ให้ขึ้นทำฝนหลวงทันทีแต่ต้องรอดูปัจจัยเอื้อ โดยความชื้นสัมพัทธ์ว่าดีพอต่อการทำหรือไม่ด้วย
ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร รายงาน