ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ล่าสุด(24 มิ.ย. 58)มีปริมาณน้ำ รวมกัน 7,736 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำ ใช้การได้รวมกันประมาณ 1,040 ล้านลูกบาศก์เมตร และระบายน้ำใช้ในกิจกรรมต่างๆ รวมกัน จำนวน 32 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำจนถึงปัจจุบันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำทั้งระบบ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศอย่างรุนแรง มีมติปรับลดแผนการระบายน้ำจากเดิมวันละ 33 ล้าน ลบ.ม. ลงเหลือวันละ 28 ล้าน ลบ.ม. จากปริมาณน้ำต้นทุน จำนวน 1,067 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ยืดการใช้น้ำออกไปได้ 45 วัน(ถึงวันที่ 10 ส.ค.58) โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจแล้ว สำหรับปริมาณน้ำที่ระบายลงมานี้ จะเน้นเพื่อการอุปโภค-บริโภค และรักษาระบบนิเวศน์ม และลดการส่งน้ำในส่วนของภาคการเกษตรจากเดิมวันละ 20 ล้าน ลบ.ม. ลงเหลือวันละ 15 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ปลูกข้าวนาปีที่ปลูกไปแล้ว 3.44 ล้านไร่ ก่อนวันประกาศขอให้ชะลอการเพาะปลูก คิดเป็นร้อยละ 25 หรือประมาณ 0.85 ล้านไร่ ทั้ง 4 กระทรวงฯ จึงได้หามาตรการแก้ไขปัญหาพื้นที่เสี่ยง 0.85 ล้านไร่ ไว้ดังนี้ คือ บริหารจัดการน้ำที่ได้จัดสรรไว้อย่างเข้มงวด โดยให้ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง ,พิจารณาเสริมบ่อน้ำบาดาล ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล(กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)ในพื้นที่ที่เป็นที่ดอนและพิจารณาแนวทางสนับสนุนเกษตรกรในการขุดบ่อตอกหรือบ่อน้ำตื้นในแปลงนา
ก่อนหน้านี้ กรมชลประทานได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4 กระทรวง(เกษตรฯ มหาดไทย ทรัพยากรธรรมชาติฯ และวิทยาศาสตร์ฯ) เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.58 กรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ได้คาดการณ์สภาพภูมิอากาศว่า ปริมาณฝนในเดือนกรกฎาคมจะมีไม่มาก และไม่สม่ำเสมอ คาดว่าฝนจะเริ่มตกชุกในเดือน ส.ค. และ ก.ย. 58