*อธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำมาตรการรับมือเมอร์สได้ อาการผู้ป่วยติดเชื้อดีขึ้น *

24 มิถุนายน 2558, 17:09น.


หลังการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือ สนช.  อธิบดีกรมควบคุมโรคและผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร ถึงแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเมอร์สในประเทศไทย



แพทย์หญิง จริยา แสงสัจจา ผอ.สถาบันบำราศนราดูร เปิดเผยถึงอาการป่วยของชายชาวโอมานวัย 75 ปีที่ยังพักรักษาตัวที่บำราศนราดูรว่า ขณะนี้ยังอยู่ในห้องแยกความดันลบ อาการโดยรวมดีขึ้นมากกว่าวันแรกขณะนี้ไม่มีไข้ ไม่หอบ และตรวจไม่เจอเชื้อไวรัสเมอร์สแล้ว แต่ต้องใส่สายยางช่วยหายใจผ่านจมูกและไม่สามารถลุกเดินได้ และยัง อาการปอดบวม หายใจเร็ว ซึ่งต้องตรวจซ้ำ หาเชื้อเมอร์ส จนกว่าจะมั่นใจว่าจะไม่มีเชื้อและต้องรออาการปอดบวมหายจึงจะออกจากรพ.ได้  ยืนยันว่าผู้ป่วยไม่เคยใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนญาติผู้ป่วย 3 คนและผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยทั้งเจ้าหน้าที่แพทย์ต่างๆยังไม่มีใครมีอาการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังเฝ้าดูต่อจนกว่าจะครบ 14 วันพร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นกลัวกับโรคนี้ เพราะไม่ได้ติดต่อกันได้ง่ายและอย่าเชื่อกับข่าวลือต่างๆทางโซเซียล



นายแพทย์ โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า กรมควบคุมโรคมีมาตรการเฝ้าระวังตั้งแต่บนเครื่องบิน โดยจะประกาศให้ความรู้กับผู้โดยสาร ส่วนที่สนามบินมีเครื่องเทอร์โมสแกน 2 ชั้นพร้อมการตรวจประวัติและร่างกายละเอียดว่ามีอาการหรือไม่โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากตะวันออกกลาง ยอมรับว่าหากผู้ป่วยเดินทางมาในระยะฟักตัวก็อาจตรวจยาก เนื่องจากอาจไม่ปรากฎอาการ และได้ขอความร่วมมือกับผู้ป่วยหากมีอาการไข้ อ่อนเพลียหรือสัมผัสกับผู้ที่ต้องสงสัยหรือเดินทางกลับมาจากประเทศในกลุ่มเสี่ยงและมีอาการอย่าเรียกรถสาธารณะมาโรงพยาบาลเอง เพราะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ให้โทรมายัง 1669 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ไปรับ   ยืนยันว่าโรคเมอร์สไม่ใช่โรคใหม่และมีมากว่า 3 ปีแล้ว มีผู้ป่วยเฉลี่ย 1,300คนและมีอัตราการแพร่เชื้อโรคต่ำกว่าโรคระบาดอื่น อีกทั้งผู้ที่เสียชีวิตจากโรคนี้ส่วนใหญ่ก็อายุมากกว่า 60 ปี จึงถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าวิตก ส่วนการที่จะกำจัดรังโรคให้หมดยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะรังโรคเกิดกับอูฐที่สามารถแพร่มาสู่คนได้ตลอด  



ด้านนาย เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สนช.ยืนยันว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อเมอร์สเพิ่มในไทย แต่ที่ประชุมได้ขอให้กรมควบคุมโรควางมาตรการให้รัดกุม เพราะหากมีการแพร่กระจายเกรงว่าจะกระทบต่อการท่องเที่ยงและความเชื่อมั่นในประเทศ พร้อมระบุว่าเมอร์สเป็นโรคไม่ได้เป็นโรคที่มีการแพร่กระจายเชื้อเร็วและมีอัตราการเสียชีวิตที่ร้อยละ 30ในกลุ่มตะวันออกกลาง ทั้งนี้เชื่อว่ามาตรการของกรมควบคุมโรคจะสามารถควบคุมโรคได้แน่

ข่าวทั้งหมด

X