ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ตัวแทนครู-อาจารย์จากโรงเรียนทั่วประเทศสหรัฐฯชุมนุมกันที่บริเวณด้านหน้าของสภาคองเกรสเมื่อค่ำวันพุธ(12 ม.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อคัดค้านนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯซึ่งจัดโครงการจูงใจให้บุคลากรภาครัฐลาออกก่อนเกษียณอายุ การปรับลดและยุบโรงเรียนของรัฐ พร้อมคัดค้านวุฒิสภาไม่ให้ลงมติรับรองนางลินดา แม็คมาฮอน เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีศึกษาธิการคนใหม่ ท่ามกลางอากาศหนาว มีหิมะตกด้วย
ด้านนางรีเบกกา พริงเกิล ประธานสมาคมการศึกษาแห่งชาติ(NEA)ของสหรัฐฯ กล่าวว่าในปัจจุบัน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย ซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชนชนบท ชานเมืองและตัวเมือง หลายคนอยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่า หรือได้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาจากรัฐ เพื่อเข้าเรียนต่อระดับวิทยาลัย 4 ปี ตลอดถึงการเข้ารับการฝึกด้านอาชีพ ซึ่งกิจกรรมต่างๆเหล่านี้จะต้องอาศัยความช่วยเหลือต่างๆจากกระทรวงศึกษาธิการ ย้ำว่า การจัดการศึกษาของรัฐคือ รากฐานของระบอบประชาธิปไตย และความพยายามที่จะให้มีการยุบเลิกโรงเรียนของรัฐ คือความพยายามที่จะล้มเลิกการปกครองระบอบประชาธิปไตย
นางมิเชล วิลเลียมส์-หว่อง ครูวิชาวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองอีสต์ ออเรนจ์ รัฐนิวเจอร์ซี ซึ่งสอนมากว่า 20 ปีแล้ว แสดงความกังวลว่า การปรับลดงบอุดหนุนสำหรับโรงเรียนของรัฐจะกระทบการจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียนของเธอเช่นกัน
สำหรับองค์กร NEA เป็นองค์กรวิชาชีพและสหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า สวนใหญ่ องค์กรนี้ให้การสนับสนุนสส.และสว.จากพรรคเดโมแครต พร้อมส่งบุคคลากรเข้าร่วมฟังการหาเสียงของพรรคเดโมแครต โต้แย้งว่านโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาลทรัมป์จะทำให้มีการเพิ่มขนาดของห้องเรียนและลดบริการสำหรับนักเรียนที่ด้อยโอกาส เช่น นักศึกษาพิการ
ด้านสว.เบอร์นี แซนเดอร์ส สังกัดพรรคเดโมแครตจากรัฐเวอร์มอนต์ เสนอให้มีการปรับเพิ่มเงินเดือนให้กับครู-อาจารย์ และเห็นว่าเงินเดือนของครูอาจารย์ไม่ควรต่ำกว่า 60,000 ดอลลาร์ต่อปี ย้ำว่า พวกเราจะรณรงค์ให้รัฐบาลยุติการแปรรูปโรงเรียนรัฐเป็นของเอกชนและจะไม่ปล่อยให้รัฐบาลทรัมป์สั่งปิดกระทรวงศึกษาธิการ
#ครูอาจารย์ทั่วสหรัฐ
#ค้านโครงการจูงใจลาออกก่อนเกษียณ