สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเจค ซิมส์ ผู้ก่อตั้งองค์กร แชมรอค(Shamrock) เอ็นจีโอที่ประสานหน่วยงานรัฐ-เอกชนเพื่อปราบรามขบวนการค้ามนุษย์ระว่างประเทศ แสดงความรู้สึกกังวลเรื่องการที่รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯให้ระงับโครงการช่วยเหลือทางการเงินแก่ต่างชาติอาจจะกระทบต่อองค์กรที่ปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงานในกัมพูชา ซึ่งประชาชนหลายหมื่นคนถูกกักตัวและถูกบังคับให้ทำงานให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
สอดคล้องกับข้อมูลจากสหประชาชาติ(UN)ซึ่งระบุว่า มีแรงงานหลายแสนคนที่ทำงานให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา เมียนมาและลาว ใช้อุบายโทรศัพท์ไปหลอกผู้เสียหายจากทั่วโลก รวมถึงจากสหรัฐฯ บางคนถูกคนในขบวนการค้ามนุษย์หลอกทางโทรศัพท์ว่าจะมีงานที่มีรายได้ดีให้ทำ แต่เมื่อเดินทางไปถึง ปรากฎว่พวกเขาถูกบังคับให้ทำงานให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่จากองค์กรเอ็นจีโอ เช่น คาริตัส (Caritas) องค์เอ็นจีโอชองชาวคริสต์ ซึ่งดูแลผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสในกรุงพนมเปญ เปิดเผยว่า ศูนย์พักพิงแห่งหนึ่งของคาริตัส ที่ดูแลเหยื่อซึ่งมีทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติที่หลบหนีจากขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมื่อเร็วๆนี้ อนุญาตให้เหยื่อกลับบ้านและอาจจะหยุดรับเหยื่อใหม่ๆเข้ามาดูแลเนื่องจากปัญหางบประมาณเริ่มตึงตัว ขาดสภาพคล่อง เป็นผลจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯตัดงบประมาณ และกระทบโครงการช่วยเหลือและป้องกันการแก้ปัญหาค้ามนุษย์
ทั้งนี้ ตามแผนเดิม ในปีนี้(2568) คาริตัส จะได้รับเงินสนับสนุนราว 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ(USAID) เพื่อใช้บริหารองค์กรเป็นเวลา 2 ปี
#เอ็นจีโอในกัมพูชา
#กังวลสหรัฐฯตัดงบช่วยเหลือ