เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารคว่ำบาตรต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เป็นการตอบโต้ต่อการที่ ICC ออกหมายจับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล คำสั่งดังกล่าวอนุญาตให้สหรัฐฯอายัดทรัพย์สินของพนักงาน ICC และห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าประเทศ ขณะที่ ศาล ICC กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการโจมตีความยุติธรรมระหว่างประเทศและหลักนิติธรรม
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อศาล ICC เนื่องจากมีเป้าหมายโจมตีสหรัฐฯและพันธมิตร เช่น อิสราเอล
เมื่อเดือน พ.ย.67 ICC ออกหมายจับนายเนทันยาฮู และนายโยอาฟ กัลแลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล รวมทั้งผู้นำของกลุ่มฮามาสอีก 3 คน ในข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โดยเกี่ยวข้องกับสงครามที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา และเหตุการณ์โจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค.66
การลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารคว่ำบาตรต่อศาล ICC ไม่ใช่การลงนามคว่ำบาตรครั้งแรก เนื่องจาก เมื่อช่วงการดำรงตำแหน่งสมัยแรกได้ 3 ปี เมื่อเดือนมิ.ย.ปี 2020 ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ระดับสูงของศาล ICC ขณะที่ ศาลสอบสวนว่ากองกำลังสหรัฐฯ ก่ออาชญากรรมสงครามในอัฟกานิสถานหรือไม่ รัฐบาลทรัมป์ กล่าวหาว่า ICC ละเมิดอำนาจอธิปไตยของชาติสหรัฐฯ และเตือนว่าใครก็ตามที่สนับสนุนการสืบสวนของ ICC จะเสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรด้วยเช่นกัน ในที่สุดก็มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร เมื่อเดือนเม.ย.64 นายแอนโทนี บลิงเกน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวถึง มาตรการคว่ำบาตรนี้ว่าไม่เหมาะสมและไม่มีประสิทธิผลเรียกร้องให้มีการร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
#สหรัฐ
#คว่ำบาตรศาลICC
แฟ้มภาพ