กระทรวงการต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย เปิดเผยว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย ย้ำจุดยืนของซาอุดิอาระเบียอย่างชัดเจนว่า ซาอุดิอาระเบียจะไม่ยอมสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล ถ้าการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ยังคงดำเนินการไม่เสร็จสมบูรณ์ พร้อมย้ำจุดยืนของซาอุดิอาระเบียที่คัดค้านการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของตนในเขตฉนวนกาซา
การแถลงดังกล่าวนับว่า สวนทางกับคำอ้างของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯที่แถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลที่เยือนทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันดี.ซี.ในวันนี้ ซึ่งระบุว่า ที่ผ่านมา ซาอุดิอาระเบียไม่ได้เรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ พร้อมประกาศว่า สหรัฐฯจะเข้ายึดดินแดนในเขตฉนวนกาซา ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า ข้อเสนอการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของตนเป็นประเด็นหนึ่งที่มีความอ่อนไหวในหมู่ชาวปาเลสไตน์ และกลุ่มชาติอาหรับ
ที่ผ่านมา สหรัฐฯใช้วิธีเจรจาทางการทูตมาหลายปี เพื่อชักจูงซาอุดิอาระเบีย หนึ่งในชาติอาหรับที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในตะวันออกกลางและเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกให้ยอมปรับความสัมพันธ์ทางการทูตเข้าสู่ภาวะปกติกับอิสราเอลและประกาศยอมรับรัฐอิสราเอล แต่สงครามในเขตฉนวนกาซาในเดือนต.ค.2566 ส่งผลให้ทางการซาอุดิอาระเบียระงับแผนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลไว้ก่อน เนื่องจากไม่พอใจอิสราเอลใช้วิธีรุนแรงกับชาวปาเลสไตน์ระหว่างการบุกปรามกลุ่มฮามาสในเขตฉนวนกาซา
ทั้งนี้ นายทรัมป์ต้องการให้ซาอุดิอาระเบียทำตามเพื่อนบ้านอื่นๆเช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและธุรกิจแห่งหนึ่งในตะวันออกกลางและบาห์เรน ซึ่งลงนามในข้อตกลงอับราฮัม (Abraham Accords)ในปี 2563 เพื่อปรับความสัมพันธ์การทูตเข้าสู่ภาวะปกติกับอิสราเอล
#ซาอุดิอาระเบีย
#สนับสนุนการจัดรัฐปาเลสไตน์