การป้องปรามการรับน้องและการประชุมเชียร์ในสถาบันอุดมศึกษา ที่พบรายงานการก่อเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลายครั้ง ทำให้เกิดความสูญเสียชีวิต รองศาสตราจารย์ พินิติ ระนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.)กล่าวว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มอบให้รองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งเป็นผู้ดูแลหลักในการป้องกัน โดยทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นจะต้องผ่านความเห็นชอบจากรองอธิการบดี หากมีการลักลอบไปจัดกิจกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต จะต้องต้องมีบทลงโทษขั้นเด็ดขาด ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมได้ทั้งหมด นอกจากนี้โดยส่วนตัวยังไม่ต้องการให้จัดกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ เว้นแต่มีความจำเป็น ทั้งต้องห้ามรับน้องใหม่ด้วยความรุนแรง ห้ามก้าวล่วงสิทธิของแต่ละบุคคลและห้ามมียาเสพติดหรือแอลกฮอลล์ในการรับน้อง
ทั้งนี้ สกอ.มีแนวคิดพัฒนากิจกรรมรับน้องเชิงบวกโดยการเสริมทักษะด้านภาษาและภาวะผู้นำ ซึ่งจะนำเจ้าของภาษามาร่วมในกิจกรรมเพื่อให้มีการปฎิบัติจริง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในปีหน้า
ส่วนกรณีที่ในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ที่มีกลุ่มนักศึกษาบางกลุ่มเตรียมเคลื่อนไหวนั้น รองศาสตราจารย์พินิติ เห็นว่า เป็นสิทธิของแต่ละคน ซึ่ง สกอ.ไม่ได้ห้าม แต่ย้ำว่าต้องอยู่ใต้กรอบกฎหมายและความเหมาะสม เพราะหากมีการทำผิด นักศึกษาก็จะต้องดูแลตัวเอง
ส่วนความคืบหน้าการเสนอชื่อเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอธิการบดีคนใหม่ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น ทาง สกอ.ให้ทางมหาวิทยาลัยทบทวนใหม่ และตั้งกรรมการสอบสวนเพราะมีการยื่นหนังสือคัดค้าน เช่นเดียวกับกรณีของมหาวิทยาลัยบูรพาและมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ส่วนมหาวิทยาลัยนครพนมยังไม่ได้ส่งรายชื่ออธิการบดีคนใหม่มาที่สกอ. ซึ่งพร้อมกันนี้ สกอ.กำลังร่างพระราชบัญญัติอุดมศึกษา เพื่อให้มีความครอบคลุมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันด้วย
..ผสข.ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร