หลังจากสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์(AI)ของบริษัทดีปซีค (DeepSeek) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคใต้ของจีน เปิดตัวบริการแชทใหม่เรียกว่า R1 เมื่อสัปดาห์ก่อน สามารถจะตอบคำถามต่างๆอย่างฉับพลันในแบบเดียวกับแชท ChatGPT ผู้บริการแอปแชท AI ชั้นนำของบริษัท OpenAI ของ สหรัฐฯ แต่ดีปซีคใช้ต้นทุนในการพัฒนาแอปนี้ต่ำกว่ามากคือใช้ต้นทุนการพัฒนาแอปนี้ เพียง 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับตัวเลขลงทุนหลายพันล้านของผู้พัฒนาแอปแชทรายใหญ่จากสหรัฐฯ สร้างความปั่นป่วนให้กับหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ
เอเอฟพี รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวกับสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกันในการประชุมไม่เป็นทางการที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา เมื่อวานนี้(27 ม.ค.68)ว่า ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของบริษัทดีปซีค (DeepSeek) สตาร์ตอัพด้าน AI ต้นทุนต่ำจากจีน เป็นเสมือนสัญญาณเตือนให้บริษัท AI จากสหรัฐฯต้องเร่งสร้างนวัตกรรม เพื่อให้สหรัฐฯล้ำหน้าประเทศจีนในด้านเทคโนโลยี AI นายทรัมป์หวังว่า เรื่องนี้จะเป็นแรงกระตุ้นที่ช่วยผลักดันให้บริษัทผู้ประกอบธุรกิจ AI ของสหรัฐฯเร่งพัฒนาผลิตชิป AI ที่มีราคาถูกลง เช่น แทนที่จะทุ่มงบประมาณหลายพันหรือหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ผู้ประกอบการของสหรัฐฯควรจะหาทางลดต้นทุนลง แต่ยังสามารถพัฒนาแชทที่สามารถตอบคำถามต่างๆอย่างฉับไวในระดับพอๆกับบริการแชทต้นทุนต่ำจากจีน
นายทรัมป์ พูดเรื่องนี้ หลังการเปิดตัวของบริการแอปต้นทุนต่ำของบริษัทดีปซีค ทำให้เกิดกระแสเทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จนร่วงระนาว โดยเฉพาะหุ้น อินวิเดีย(Nvidia) ผู้ผลิตชิป AI และเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ทรุดตัวลง 17% ในการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ มูลค่าหุ้นของอินวิเดีย หายไปจากตลาดราว 600 ล้านดอลลาร์
หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในสัปดาห์ที่แล้ว นายทรัมป์ ได้แถลงโครงการร่วมทุนจัดตั้งบริษัท สตาร์เกต เพื่อสร้างระบบสาธารณูปโภคด้าน AI ในสหรัฐฯ มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างซอฟต์แบงก์ของญี่ปุ่น บริษัท OpenAI และบริษัทออราเคิล ผู้ให้บริการเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ
#รัฐบาลทรัมป์
#การแข่งขันเทคโนโลยีAI