แนวทางการตั้งคำถามในการทำประชามติ นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ยืนยันว่า การตั้งคำถามแน่ๆหนึ่งคำถามคือถามว่ารับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นช่องสี่เหลื่ยมให้กากบาทเลือก ส่วนคำถามของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)และสภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.)รวม 2 คำถามต้องรอดูว่าจะผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)หรือไม่ ซึ่งหากผ่าน กกต.ก็ต้องพิจารณาต่อว่าจะใส่คำถาม 3ข้อรวมกันในกระดาษใบเดียวเลยหรือแยกเป็นหนึ่งคำถามต่อกระดาษหนึ่งใบ พร้อมระบุถึงข้อเสียของการใส่คำถามรวมกันในใบเดียวว่าอาจเกิดบัตรเสียง่าย แต่หากแยกคำถามกันจะทำให้ประชาชนเข้าใจง่าย แต่มีข้อเสียคือต้องเสียงบประมาณเพิ่มมาก นอกจากนี้ระบุว่า กกต.กำลังหารือว่าใครจะมีหน้าที่สรุปเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ โดยเนื้อหาร่างที่ส่งให้ประชาชนอาจเป็นการสรุปสาระสำคัญหรือประเด็นที่สังคมสนใจมากกว่าที่จะพิมพ์ตัวเต็มทั้ง 315 มาตรา สำหรับการผ่านร่างรัฐธรรมนูญในการออกเสียงประชามติ นายภุชงค์ ระบุว่า จะยึดเสียงข้างมากของผู้ที่ออกมาทำประชามติ ตัวอย่างการคำนวณเสียงข้างมากในการผ่านร่างประชามติ เช่น หากมีผู้ออกมาลงคะแนนเสียง 10 ล้านคน ต้องมีผู้ผ่านร่างฯอย่างน้อย 5ล้าน1เสียง โดยไม่มีการกำหนดว่าต้องใช้คะแนนเท่าใดพร้อมระบุว่านอกจากเตรียมการทำประชามติแล้ว กกต.ยังได้เตรียมยกร่างกฎหมายลูกควบคู่กันด้วยเพื่อให้ทันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร
CR:แฟ้มภาพ