กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกรายงานการก่อการร้ายประจำปี ระบุว่า การก่อการร้ายทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากปี 2556 ร้อยละ 35 โดยมีจำนวน 13,463 ครั้ง หรือคิดเป็นจำนวนสูงกว่า 1 ใน 3 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 32,700 ศพ เพิ่มขึ้นร้อยละ 81 ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในอิรัก อัฟกานิสถาน และไนจีเรีย ผู้คนกว่า 9,400 ถูกลักพาหรือถูกจับเป็นตัวประกันสูงกว่าปี 2556 ถึง 3 เท่า
นางทีนา ไคดานาว ผู้ประสานงานด้านการต่อต้านการก่อการร้ายของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า สาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องจากความอ่อนแอและความล้มเหลวของรัฐบาล สงครามกลางเมืองในซีเรียยังเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายทั่วโลก โดยเฉพาะจากกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ IS ซึ่งลดความสำคัญของกลุ่มอัลกออิดะห์ลง เนื่องจากผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์สูญเสียผู้นำในการขับเคลื่อนและการเผชิญหน้ากับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของกลุ่ม IS ซึ่งยังประกาศสถาปนารัฐอิสลามที่ปกครองด้วยระบบคอลีฟะห์ด้วย กระตุ้นให้มีกลุ่มนักรบต่างชาติเดินทางหลั่งไหลไปยังซีเรียแบบไม่เคยปรากฏมาก่อนผ่านการเจรจาชักชวนทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยนับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา มีนักรบต่างชาติเดินทางไปซีเรียสูงกว่า 16,000 คน มากกว่านักรบต่างชาติที่เดินทางไปอัฟกานิสถาน ปากีสถาน อิรัก เยเมน และโซมาเลีย รวมกันในช่วง 20 ปี
รายงานยังชี้ว่า กลุ่มก่อการร้ายทั่วโลก มีแนวโน้มเป็นปัญหาท้าทายและสร้างความกังวลให้แก่สหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรมากขึ้น เนื่องจากมีกลุ่มต่างๆ ทั่วโลกสนับสนุนกลุ่ม IS มากขึ้น นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นที่เรือนจำในเมืองโมซุล อิรัก เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้นักโทษชาวมุสลิมชีอะห์เสียชีวิต 670 คน เป็นการก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุด นับแต่เหตุการณ์ 9/11 อย่างไรก็ดี กิจกรรมการก่อการร้ายในบางประเทศลดลง ได้แก่ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ เนปาล และรัสเซีย
CR:REUTERS