สรุปข่าวรอบวัน 19.35 น.
+++นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้แนะคนไทยอย่าตื่นตระหนกกับการแพร่ระบาดของไวรัสเมอร์ส ที่ล่าสุด พบชาวตะวันออกกลาง ติด ‘ไวรัสเมอร์ส’ รายแรกในไทย โดยขอให้ติดตามข่าวสารให้รอบด้าน ซึ่งหากปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข และป้องกันตนเองให้ดีก็ไม่จำเป็นต้องไปวิตกกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคที่จะส่งผลให้ตัวเองเกิดความไม่สบายใจและเกิดความเครียดขึ้นได้ ขอให้ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ทั้งนี้ หากพบว่าตนเองเครียดและวิตกกังวลเกินเหตุ เช่น นอนไม่หลับ ปวดมึนศีรษะ ปั่นป่วนมวนท้อง คลื่นไส้ สามารถขอรับบริการปรึกษา ได้ที่หน่วยงานสังกัดกรมกรมสุขภาพจิตและสถานพยาบาลทุกแห่ง หรือสายด่วนสุขภาพจิต 1323 โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะมีผู้ให้คำปรึกษาเพื่อช่วยลดความตึงเครียด ตลอดจนให้คำแนะนำในการดำเนินชีวิตให้ปลอดภัย ไม่วิตกกังวลมากเกินไป
+++ข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ในการดูแลและป้องกันตนเอง ได้แก่ การกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ให้งดเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด สำหรับประชาชนทั่วไป หากต้องเดินทางไปยัง ประเทศที่มีการระบาด ขอให้อย่าคลุกคลีกับผู้ป่วย และหากกลับประเทศไทย ภายใน 14 วัน แล้วมีอาการไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ให้สวมหน้ากากป้องกันโรค และพบแพทย์ทันที ที่สำคัญ ขอให้ประชาชนมั่นใจใน ระบบการดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข
+++นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้มีการติดตั้งเครื่อง Thermoscan เพิ่มเติมอีก 1 จุด บริเวณอาคารเทียบเครื่องบิน F ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2558 ปรับตั้งค่าเครื่อง Thermoscan ให้สามารถจับอุณหภูมิร่างกายได้ลดลงจากเดิม 37 องศา เป็น 36.5 องศา ทั้งนี้ ทสภ. ได้มีการจัดหลุมจอดไว้รองรับเที่ยวบินที่เดินทางมาจากประเทศสุ่มเสี่ยง 7 ประเทศ (ประเทศแถบตะวันออกกลาง ได้แก่ ประเทศโอมาน การ์ตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน จอร์แดน และประเทศแถบเอเชีย คือ ประเทศเกาหลีใต้) ไว้ที่หลุมจอดประชิดอาคาร E และ F เป็นการเฉพาะอีกด้วย ให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดทุกพื้นที่ ที่มีการสัมผัสกับผู้โดยสาร อาทิ ห้องน้ำ เคาน์เตอร์เช็คอิน ตม. จุดให้บริการรถแท็กซี่ มีการติดตั้งเจลล้างมือกระจายตามจุดต่างๆในอาคารผู้โดยสารกว่า 200 จุด และจัดเตรียมหน้ากากอนามัยไว้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์สำหรับแจกให้กับผู้โดยสารและผู้ปฏิบัติงานภายใน ทสภ.
+++ขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่สายการบินที่มีเที่ยวบินเดินทางมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดให้ประกาศให้ผู้โดยสารทราบถึงมาตรการของ ทสภ. และแจกเอกสาร Health Beware Card บนเครื่องบินด้วย ทั้งนี้หากพบผู้โดยสารที่มีอาการไข้ หรือต้องสงสัยว่าจะป่วย ให้แจ้งไปยังด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศทันที หมายเลขโทรศัพท์ 0-2134-0136-
+++ผลตรวจ อูฐ ในไทยปลอด โรคเมอร์ส นายสัตวแพทย์วิศิษฏ์ วิชาศิลป์ รองผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า องค์การสวนสัตว์ฯ ได้มีการคัดกรองโรคของสัตว์ในสวนสัตว์ตลอดเวลาอยู่แล้ว รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อปี 2557 สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับมือโรคเมอร์ส โดยกรมอุทยานฯ รับผิดชอบในการสำรวจและเฝ้าระวังโรคในอูฐในสวนสัตว์เอกชน ส่วนองค์การสวนสัตว์ฯ สำรวจและเฝ้าระวังโรคในอูฐสวนสัตว์ของรัฐ ทั้งนี้ผลสำรวจและเฝ้าระวังโรคเมิร์ส ในสัตว์ตระกูลอูฐในส่วนของกรมอุทยานฯ จำนวนทั้งสิ้น 31 ตัว ไม่พบตัวอย่างที่เป็นผลบวกต่อเชื้อเมอร์สแต่อย่างใด ทั้งนี้อูฐในประเทศไทยนำเข้าจากจีนและออสเตรเลีย ไม่ได้มีการนำเข้าจากตะวันออกกลางที่มีการแพร่ระบาดของโรค อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดของโรคเมอร์สในประเทศไทยจากนี้ต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดจากคนสู่คนมากว่าการแพร่ระบาดจากสัตว์สู่คน
+++นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเมอร์สรายแรกในไทย ว่า มีผลกระทบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไม่มากนัก พร้อมมั่นใจว่า เป้าหมายการท่องเที่ยวปีนี้น่าจะถึง 2 ล้านล้านบาท ส่วนกรณีที่องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ปักธงแดงไทย หลังไม่ผ่านการพิจารณามาตรฐานการบินนั้น เบื้องต้นในส่วนของสายการบินของไทยยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่จะมีผลเรื่องของความเชื่อมั่นในสายตาของชาวต่างชาติ
+++บุคลากรด้านสาธารณสุขของเกาหลีใต้ราว 30 คน รวมตัวประท้วงที่ด้านหน้าศูนย์การแพทย์ซัมซุงในกรุงโซล กลุ่มผู้ประท้วงระบุว่าศูนย์การแพทย์แห่งนี้ล้มเหลวในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์ส ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สจากศูนย์การแพทย์แห่งนี้แล้วหลายสิบคน รวมถึงความล่าช้าของรัฐบาลในการเพิ่มมาตรการป้องกันมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการแพร่ระบาด จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้แล้ว 24 คน ติดเชื้อ อีกกว่า 160 คน ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีปัญหาด้านสุขภาพอยู่ก่อน อาทิ มีปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจ หรือเป็นมะเร็ง
+++นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) งมีท่าทีที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อเสนอเปิดบ่อนกาสิโน แต่โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะถ้าจะเปิดบ่อนกาสิโน ก็ต้องลบค่านิยม 12 ประการที่นายกรัฐมนตรี ให้ปลูกฝังต่อเด็กและเยาวชนของชาติออกไปด้วย เหตุใดจึงไม่คำนึงถึงผลกระทบด้านสังคมเพราะกาสิโนที่สิงคโปร์ ก็พบว่ามีผลกระทบต่อสังคมของเขาเช่นกัน
+++ความคืบหน้าคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า จากตรวจสอบตู้นิรภัยของนายศุภชัย พบธนบัตรคล้ายธนบัตรของสหรัฐอเมริกา โดยมีมูลค่าธนบัตรฉบับละ100 ล้าน5-6 ปึก และยังพบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรับฝากทรัพย์ ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษอีกจำนวนมาก ซึ่งเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ได้เชิญเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกามาตรวจสอบเบื้องต้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ความเห็นว่า เป็นธนบัตรที่รัฐบาลไม่เคยออกประกาศใช้ โดยในธนบัตรมีการระบุตัวหนังสือว่า "ยูไนเต็ด สเตท ออฟ อเมริกา" ซึ่งไม่ใช่สกุลเงินของสหรัฐอเมริกา ซึ่งธนบัตรลักษณะนี้ มักถูกนำไปใช้ในกรณีของการลอกลวง ฉ้อโกง นอกจากนี้ ยังพบเอกสารโฉนดที่ดิน ซึ่งมีชื่อของนายศุภชัย จำนวน 3 แปลง ที่อ.คลอง4 และอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รวมเนื้อที่ 29 ไร่ 3 งาน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะไปสอบปากคำนายศุภชัยที่เรือนจำอีกครั้ง และข้อมูลเพิ่มเติมจากเอกสารและหลักฐานที่ตรวจสอบพบจากตู้นิรภัยดังกล่าว
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดลดลง ที่ระดับ 1,491.46 จุด ลดลง16.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,001.76ล้านบาท จากความกังวลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์ส หลังจากมีผู้ติดเชื้อในไทย ส่งผลให้หุ้นโรงพยาบาลลดลงแรง นอกจากนี้ยังมีแรงเทขายหุ้นอย่างหนักในกลุ่มท่องเที่ยวและการบินที่ได้รับผลกระทบหลังICAO ปรับลดอันดับความปลอดภัยการบินไทย
+++ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดตลาด เพิ่มขึ้น 183.42 จุด ที่ 20,174.24 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ 26,760.53 เพิ่มขึ้น 65.82 จุด
+++สำนักงานตำรวจเมืองมุมไบ ทางตะวันตกของอินเดีย รายงานการพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 ศพ จากการดื่มสุราผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากยังมีผู้เข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกหลายสิบคนขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัย 3 คน ฐานร่วมกับลักลอบจำหน่ายสุราผิดกฎหมายในครั้งนี้ สุราเถื่อนเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จำหน่ายกันอย่างแพร่หลายในอินเดีย แม้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย และประชาชนนิยมซื้อหามาบริโภคเนื่องจากมีราคาถูก โดยบ้างครั้งมีราคาน้อยกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ