ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เผยแพร่แถลงการณ์ของนายชเว ซัง-ม็อก รักษาการประธานาธิบดี เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ มีเนื้อหาสำคัญว่า ตอนนี้เกาหลีใต้กำลังเผชิญกับสถานการณ์ร้ายแรง ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ล่าสุดคือโศกนาฏกรรมเที่ยวบิน 7C2216 ของเจจู แอร์ นับเป็นจุดเปลี่ยนของสังคมเกาหลีใต้ รักษาการผู้นำเกาหลีใต้ให้คำมั่น ว่ารัฐบาลจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่นในทุกมิติ
ทั้งนี้ ชเว ต้องรับตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา หลังสภามีมติถอดถอนนายฮัน ด็อก-ซู รักษาการประธานาธิบดีคนก่อนหน้า ซึ่งวิกฤติการเมืองของเกาหลีใต้ครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการที่ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ประกาศกฎอัยการศึก เมื่อต้นเดือนนี้ และสภาลงมติถอดถอนยุน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.รักษาการผู้นำเกาหลีใต้ วัย 61 ปี กล่าวว่า จะพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการสร้างความสามัคคี และการประนีประนอมกับทุกภาคส่วน พร้อมทั้งขอให้ประชาชนและภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่น
โบอิ้ง-สหรัฐ ร่วมตรวจสอบเครื่องบินเกาหลีใต้ลื่นไถล
สำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาและบริษัท โบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ระดับโลก เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 เที่ยวบิน 2216 ของสายการบินเจจู แอร์ ซึ่งประสบเหตุลื่นไถลรันเวย์ ก่อนพุ่งชนแนวรั้วกั้นของท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ จนมีผู้เสียชีวิต 179 ราย และรอดชีวิต 2 ราย เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.เพื่อร่วมการสืบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัด
เจ้าหน้าที่ 1 คนจากสำนักงานบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟเอเอ) ผู้เชี่ยวชาญ 3 คนจากคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นทีเอสบี) และตัวแทนจากบริษัทโบอิ้ง 4 คนเข้าร่วมการสืบสวนที่จุดเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินและทางรถไฟของเกาหลีใต้ (เออาร์เอไอบี)
นายจู จองวาน ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการบิน สังกัดกระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ ระบุว่า ทีมสอบสวนของสหรัฐมาถึงเกาหลีใต้เมื่อวันจันทร์ที่ 30 ธ.ค. และเดินทางไปยังเมืองมูอันซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 290 กิโลเมตร “เจ้าหน้าที่สอบสวนของเกาหลีใต้และสหรัฐได้หารือเกี่ยวกับขั้นตอนและประเด็นสำคัญสำหรับการสอบสวน”
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวตนผู้เสียชีวิตบนเที่ยวบิน 2216 เพิ่มเป็น 174 รายจากทั้งหมด 179 ราย ในจำนวนนี้ 4 รายถูกส่งมอบให้กับครอบครัวเพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าอาจต้องใช้เวลานานถึง 10 วันจึงจะระบุตัวตนและส่งมอบศพทั้งหมดกลับคืนให้ครอบครัว เนื่องจากผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ถูกไฟคลอกรุนแรง
ขณะที่ นายเดวิด เลียร์เมาต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน ตั้งคำถามเกี่ยวกับกำแพงคอนกรีตที่สร้างขึ้นอย่าง “ผิดปกติ” ห่างจากปลายรันเวย์ราว 250 เมตร ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรม โดยระบุว่านักบินนำเครื่องแตะพื้นสนามบินได้ดีที่สุดเท่าที่การลงจอดแบบไม่มีอุปกรณ์ลงจอดจะทำได้ ทั้งระดับของปีก จมูกเครื่องบินที่ไม่สูงเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงการหักของหาง และเครื่องไม่ได้รับความเสียหายมากนักขณะที่ไถลไปตามรันเวย์ “สาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากไม่ใช่เพราะการลงจอด แต่เนื่องจากเครื่องบินชนเข้ากับสิ่งกีดขวางที่มีความแข็งแกร่งมากเกินบริเวณปลายรันเวย์” นายเลียร์เมาต์กล่าวด้วยว่า หากไม่มีสิ่งกีดขวางดังกล่าวผู้โดยสารส่วนใหญ่หรือทั้งหมดอาจยังมีชีวิตอยู่
#เครื่องบินลื่นไถล
#เกาหลีใต้