การตอบข้อซักถามสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสนช. ในการชี้แจงการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวชี้แจงข้อสงสัยของสมาชิกว่าสภาขับเคลื่อนปฎิรูปประเทศจะทำหน้าที่ปฎิรูปงานต่างๆเพียงอย่างเดียวไม่มีสิทธิมาเกี่ยวข้องในการออกกฎหมายและไม่ถือว่าเป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้นไม่ต้องแจกแจงทรัพย์สินหนี้สิน ส่วนการแก้ไขคุณสมบัติของสนช.ที่เป็นการปลดล็อคบ้านเลขที่ 109และ 111 ก็เป็นการทำเพื่อสร้างความยุติธรรมและสร้างความปรองดอง
นอกจากนี้พล.อ. ประวิตร ระบุว่าหากประชามติผ่านคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องอยู่ต่อไปอีกระยะเพราะอาจต้องปรับแก้ถ้อยคำร่างรัฐธรรมนูญให้ครอบคลุมเพื่อให้รัฐธรรมนูญมีเนื้อหาชัดเจนก่อนประกาศใช้ แต่หากไม่ผ่านประชามติต้องตั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อไปทำประชามติอีกครั้ง
ด้านนาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การแจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญควรจะแจกเป็นรายครัวเรือนก็จะเหลือแจกร่างเพียง 22 ล้านฉบับและตามกฎหมายหากแจกครบ 19ล้านฉบับหรือร้อยละ 80ก็สามารถกำหนดวันทำประชามติได้ทันที คาดว่าจะลงประชามติได้วันที่ 9-10มกราคม2559 ซึ่งหากทำประชามติไม่ผ่านก็ต้องตั้งคณะกรรมาธิการรัฐธรรมนูญร่างใหม่ และใช้ม.46ส่งสนช.ให้แก้รัฐธรรมนูญเช่นเดิม ดังนั้นต้องให้เวลาประชาชนทำความเข้าใจร่างรัฐธรรมนูญก่อน เพราะหากแจกร่างและทำประชามติทันที เชื่อว่าประชาชนจะยังไม่เข้าใจรัฐธรรมนูญ ทำให้เรียกว่าทำประชามติไม่ได้จริง ส่วนสภาขับเคลื่อนปฎิรูปประเทศจะอยู่ไปจนถึงการเปิดสภาวันแรกส่วนหากสปช.ถูกยุบทิ้งไป สมาชิกสปช 20คนจะยังอยู่เป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการยกร่างฯต่อไปด้วย
และหลังจากการตอบข้อซักถามของตัวแทนครม.แล้วก็เป็นการขานชื่อสมาชิกสนช.เรียงลำดับเพื่อให้สมาชิกสนช.ขานเสียงว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบชั้นรับหลักการ ก่อนที่สนช.จะมีมติรับหลักการวาระแรกด้วยคะเเนนเสียงเห็นด้วย 204 เสียง.งดออกเสียง 3 เสียง