สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ยอดขายปลีกของจีนค่อนข้างน่าผิดหวัง เติบโตเพียงร้อยละ 3.3 ในเดือนพ.ย.ต่ำกว่าร้อยละ 4.8 ในเดือนต.ค. แม้ว่าจะมีการจัดโครงการส่งเสริมการขายสินค้าทางออนไลน์ และโครงการของรัฐเพื่อช่วยกระตุ้นการซื้อขายรถยนต์
ข้อมูลทั้งในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน สะท้อนให้เห็นปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่รัฐบาลจีนจะต้องเผชิญในปีหน้า(2568) ซึ่งนักวิเคราะห์ คาดว่า การบริโภคภายในประเทศของจีนยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง อีกทั้งความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐฯอาจจะแย่ลงกว่าเดิมในช่วงที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯกลับเข้ามาบริหารประเทศสมัยที่ 2 ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า(2568) อีกทั้งจะเพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลจีนต้องจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนี้ ประเทศจีนจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯสูงกว่าร้อยละ 60 ในช่วงที่นายทรัมป์เข้ามาบริหารประเทศสมัยที่ 2
ก่อนหน้านี้ ประเทศจีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย การลดเงินดาวน์ขั้นต่ำสำหรับซื้อบ้าน และการลดหย่อนทางภาษีสำหรับการซื้อขายบ้าน เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน เนื่องจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์เป็นปัจจัยที่กระทบความมั่นใจของผู้บริโภค ตลอดถึงเศรษฐกิจของจีนในภาพรวม อีกทั้งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของเงินออมของภาคครัวเรือของจีน
ทั้งนี้ ประเทศจีนตั้งเป้าจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเติบโตร้อยละ 5 ในปีหน้า(2568) เท่ากับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้(2567)โดยนักเศรษฐศาสตร์คนหนึ่งของจีน ระบุว่า ประเทศจีนจะมุ่งเน้นจัดทำมาตรการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศให้ฟื้นตัวโดยต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดผลกระทบจากนโยบายเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนของสหรัฐฯ
#อุตสาหกรรมจีน
#เศรษฐกิจจีน