การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมทางวิชาการระหว่างประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ครั้งที่ 3 ที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)จัดขึ้น ตอนหนึ่งระบุว่า ประเทศไทยยึดติดแต่อำนาจ จนต้องมีการใช้กฎหมายที่แรงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการใช้กฎอัยการ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มากที่สุดแล้ว โดยตั้งแต่เข้ามาก็ยังไม่มีคนเสียชีวิต แต่ รัฐบาลก็พยายามทำให้เกิดคนดีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การโกงกิน จะต้องไม่เกิดขึ้น เพราะจะกระทบต่อการพัฒนาและงบประมาณของประเทศ รัฐบาลที่จะเข้ามาใหม่จะต้องรับผิดชอบ แก้ปัญหากับความเสียหายที่เกิดขึ้น เช่น โครงการจัดซื้อรถเมล์ ,โครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ,และการรับจำนำข้าวที่รัฐบาลนี้พยายามแก้ไข
ขณะที่การแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ควรเชื่อมระบบ ทั้งเรื่องการเงิน การเมือง กลุ่มทุนและภาครัฐ รวมถึงทำให้ประชาชนมีรายได้ที่เพียงพอ มีความเข้มแข็ง และต้องวางแผนเพื่ออนาคต ซึ่งทุกอย่างขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ จึงอาจจะยังไม่มีผลงานออกมาชัดเจน เท่ากับการดูแลในด้านความสงบเรียบร้อย
สำหรับ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประเทศเดินหน้าขณะนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ไม่ใช่ เพื่อแก้ไขให้ได้ตัวเองอยู่ในอำนาจต่อ และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโรดแมป รวมถึงขอยืนยันว่าทหารจะไม่มีปัญหาในเรื่องการแต่งตั้ง และขอให้ไม่ต้องกลัวว่าจะมีการปฏิวัติซ้อน แต่ขออย่าให้ประเทศเป็นอัมพาต มิเช่นนั้นทหารก็จะออกมาอีก วันนี้รัฐบาลได้หยุดความขัดแย้ง และกำลังแก้ปัญหาไปเป็นขั้นตอน โดยมอบให้ สภาปฎิรูปแห่งชาติ หรือ สปช.เป็นผู้ดำเนินการต่อ รวมถึงขอให้ทุกคนช่วยกันทำงาน แก้ปัญหาของประเทศ เพื่อทำให้ประเทศเดินหน้าได้เร็วขึ้น