ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ เดินทางโดยเครื่องบินประจำตำแหน่ง แอร์ฟอร์ซวัน จากเปรู เพื่อมาร่วมประชุมกลุ่ม G20 ในนครรีโอเดจาเนโรในวันนี้(18 พ.ย.) พร้อมแวะเยือนป่าดิบชื้นแอมะซอนที่เมืองมาเนาส์ (Manaus) เมืองใหญ่ที่สุดในแถบป่าแอมะซอนทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศบราซิล โดยมีทีมนักวิทยาศาสตร์บราซิล และนายคาร์ลอส โนเบร ผู้คว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2550 นำชมป่าแอมะซอน
นายไบเดน ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ มารีนวัน ซึ่งเป็น ฮ. ประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชมสภาพป่าแอมะซอนทางอากาศ ชมจุดที่แม่น้ำแอมะซอนกับแม่น้ำริโอเนโกร บรรจบกันที่เมืองมาเนาส์ พร้อมทั้งพบระดับน้ำของแม่น้ำลดลงค่อนข้างมาก เป็นผลมาจากวิกฤตภัยแล้งต่อเนื่องมาหลายสิบปี
นายไบเดน นับเป็นผู้นำคนแรกของสหรัฐฯที่เยือนป่าแอมะซอน ขณะอยู่ในตำแหน่ง พร้อมทั้งไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ป่าแอมะซอน เพื่อพบปะกับบรรดาผู้นำท้องถิ่นที่ทำงานเพื่ออนุรักษ์ผืนป่า พร้อมชี้ให้เห็นผลเสียต่างๆจากภาวะโลกร้อน นายไบเดน ระบุว่า ต้นไม้ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ ขณะเดียวกันในแต่ละวินาที ทั่วโลกก็ยังมีการตัดไม้ทำลายป่า เทียบเท่า 10 สนามฟุตบอล
จากนั้น นายไบเดนเดินทางโดยเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันต่อไปที่นครริโอเดจาเนโร เพื่อร่วมประชุมกลุ่ม G20 โดยมีหัวข้อประชุมสำคัญๆเช่น การแก้ไขปัญหาความยากจน การใช้หลักธรรมาภิบาล และปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลก
นักวิเคราะห์ ระบุว่า จุดยืนของนายไบเดนเรื่องการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน ตรงข้ามกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯที่ประกาศจะยกเลิกมาตรการต่างๆที่นายไบเดนประกาศใช้ เพื่อลดภาวะโลกร้อน เช่น การเตรียมอนุญาตให้บริษัทพลังงานเอกชนเข้ามาขุดเจาะสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติม
#ผู้นำสหรัฐ
#ป่าแอมะซอน