ชาวออสเตรเลีย แห่เข้าแถวรอชม'ดอกซากศพ' บานเพียงครั้งเดียว ในรอบ 10 ปี

13 พฤศจิกายน 2567, 12:00น.


          ที่สวนพฤกษศาสตร์เมืองจีลอง (Geelong Botanic Garden) ทางใต้ของเมลเบิร์น ออสเตรเลีย มีผู้คนนับพันมาต่อแถวเพื่อรอชมดอกไม้ที่มีกลิ่นเหม็นเหมือนซากศพ ที่จะบานเพียง 1 ครั้งในรอบ 10 ปี


          "ดอกซากศพ" (corpse flower) หรือที่มักเรียกสั้นๆ ว่า ไททัน อารัม (Titan Arum ย่อมาจาก Amorphophallus Titanum) ตามกลิ่นเหม็นเน่าที่ปล่อยออกมาเมื่อดอกบาน เพื่อดึงดูดแมลงผสมเกสร แต่ดอกไม้นี้จะบานอย่างไม่สามารถคาดเดาได้ บางครั้งบานเพียงครั้งเดียวในทุก 10 ปี และดอกไม้แต่ละดอก จะบานเพียง 24 ถึง 48 ชั่วโมงเท่านั้นทำให้เป็นงานกิจกรรมที่มีผู้ชมจำนวนมาก


          ต้นไม้นี้ทางสวนพฤกษศาสตร์ฯ เพิ่งได้รับมอบจากพิพิธภัณฑ์พืช เมืองแอดิเลด เมื่อปี 2564 นักจัดสวนได้เฝ้าสังเกตและรอคอยสัญญาณการออกดอกเป็นเวลาหลายปีแล้ว จนถึงเมื่อวันจันทร์ที่ 11 พ.ย.67 จึงเริ่มออกดอก และมีผู้คนราว 5,000 คนเดินทางมาชมในวันแรก ทางสวนพฤกษศาสตร์ฯ จึงเปิดให้เข้าชมตลอดเวลาไปจนถึงเย็นวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่นที่ดอกจะบานจนหมดแล้ว


           ดอกไททันอารัม เป็นดอกไม้ใกล้สูญพันธุ์ และเป็นสายพันธุ์ดอกไม้ซากศพที่ใหญ่ที่สุด การอนุรักษ์ไว้ถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากประชากรดอกไม้ป่ากำลังลดจำนวนลง พืชชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในอินโดนีเซียและอยู่ในบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ IUCN ว่า "ใกล้สูญพันธุ์" แหล่งที่อยู่อาศัยดั้งเดิมคือป่าสุมาตราซึ่งถูกทำลายจากการทำลายป่าและการทำลายป่า โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกเปลี่ยนเป็นสวนไม้ กระดาษ หรือปาล์มน้ำมัน


         พืชชนิดนี้สามารถมีอายุได้ 30 ถึง 40 ปี หมายความว่า จะออกดอกเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นตลอดช่วงอายุ IUCN ประมาณการว่ามีพืชชนิดนี้เหลืออยู่ในป่าเพียงไม่กี่ร้อยต้นเท่านั้น ปัจจุบัน พืชชนิดนี้ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายในอินโดนีเซีย และสวนพฤกษศาสตร์หลายแห่งทั่วโลกก็ปลูกพืชชนิดนี้เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์


 


#ออสเตรเลีย


#ดอกซากศพ


 


 
ข่าวทั้งหมด

X