บีบีซี รายงานการหาเสียงวันสุดท้าย ก่อนวันเลือกตั้งสหรัฐฯ 5 พ.ย.นี้ ซึ่งชาวอเมริกันกว่า 75 ล้านคนไปลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของผู้สมัครทั้งสอง คือ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส วัย 60 ปี ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตและอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน เน้นหาเสียงในรัฐที่ผู้สมัครทั้งสองมีคะแนนสูสี หวังดึงคะแนนเสียงจากชาวอเมริกันที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกผู้สมัครคนใด เช่น นางแฮร์ริสไปหาเสียงที่เมืองอัลเลนทาวน์ รัฐเพนซิลเวเนียในวันนี้(4 พ.ย.) ส่วนนายทรัมป์ ลงพื้นที่หาเสียง 3 รัฐ ซึ่งผู้สมัครทั้งสองมีคะแนนสูสีคือ รัฐนอร์ทแคโรไลนา รัฐเพนซิลเวเนียและรัฐมิชิแกน
นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ไมว่าใครชนะการเลือกตั้ง จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์การเมืองใหม่สำหรับการเมืองสหรัฐฯ เช่น ถ้าหากนางแฮร์ริสชนะการเลือกตั้ง เธอจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งจะเป็นประธานาธิบดีหญิงผิวสีคนแรกและเป็นประธานาธิบดีอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรกของสหรัฐฯ
ขณะที่ นายทรัมป์ จะเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ที่กลับมาชนะการเลือกตั้งได้สำเร็จ หลังพ่ายเลือกตั้งสมัยที่ 2 และจะเป็นนักการเมืองคนแรกจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่ ที่ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีได้สำเร็จ ทั้งๆที่ถูกพนักงานอัยการสั่งให้ฟ้องคดีอาญาหลายคดีซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคดีในชั้นศาล
นอกจากนี้ ในฤดูหาเสียงในปีนี้ เกิดเหตุพยายามลอบยิงนายทรัมป์ 2 ครั้ง ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน วัย 81 ปี ต้องถอนตัวออกจากการเลือกตั้งสมัยที่ 2 หลังการอภิปรายทางโทรทัศน์นัดแรกกับนายทรัมป์เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. เกิดกระแสวิจารณ์ในพรรคและสาธารณชนในสหรัฐฯเรื่องสุขภาพ และความฉับไวด้านความคิด เนื่องจาก อายุมาก ไม่ควรลงแข่งขันเพื่อบริหารประเทศต่อไปอีก 4 ปี
#หาเสียงทิ้งทวน
#การเลือกตั้งสหรัฐ