นายปณตสรรค์ สูจยานนท์ ผู้อำนวยการกองบริการงานอนุญาตโรงงาน 1 กรมโรงงานอุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุจส.100 กรณีเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม จับกุม ชาวจีน ข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต ว่าได้เข้าตรวจสอบบริษัท ที แอนด์ ที เวสท์ แมเนจเม้นท์ 2017 จำกัด หมู่ที่ 10 ต.ศรีมหาโพธิ์ อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี พร้อมตรวจยึดของกลางวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 หลังจากที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้มีคำสั่งปิดโรงงานอันมีผลเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน พบว่า โรงงานเพิกเฉยต่อคำสั่งและฝ่าฝืนประกอบกิจการโรงงานอยู่ ครั้งนี้ลงพื้นที่พร้อมด้วย ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ออกหมายค้น 3 หมาย รวมทั้งโรงงานข้างเคียงก็ตรวจด้วย แบ่ง 3 ทีม ตรวจอาคาร
โดยสรุปแล้ว พบว่า ไม่มีการประกอบกิจการไม่มีคนงานในพื้นที่ แต่พบว่า วัสดุที่เคยอายัดไว้ มีการเปลี่ยนแปลง บ้างก็เพิ่มขึ้น บ้างก็หายไป คิดว่า ลักลอบประกอบการ มีการติดตั้งเครื่องจักรมาเพิ่ม มีการเปลี่ยนแปลงอาคาร ตรวจ 4 จุด จะเป็นวัตถุอันตราย ตรวจพบแคดเมียม ฯลฯ วัตถุอันตราย จึงแจ้งจับ ลงบันทึกประจำวัน แจ้งความร้องทุกข์ไว้ ที่เกิดเหตุ พบเพียงมิสเตอร์จาง ชาวจีนแจ้งว่าเป็นวิศวกรควบคุมและรับผิดชอบเป็นผู้ดูแลสถานที่ของโรงงาน ปฏิเสธไม่ทราบข้อมูลใดๆ สิ่งที่บอกคือไม่รู้ไม่ทราบ แต่ตรวจพบวัตถุอันตรายซึ่งหน้า จึงพาไปสถานีตำรวจ พิมพ์ลายนิ้วมือ ยื่นขอประกันตัวไป 1แสน โรงงานนี้จดทะเบียน ทำพวกเชื้อเพลิง ชิ้นส่วน ทำกรดและด่างมาใช้ทางอุตสาหกรรม และกลับมาใช้ใหม่ หล่อทองแดง ฯลฯ ขออนุญาตทำไว้ทุกอย่าง กว้างมาก สั่งปิดครั้งแรก ตามมาตรา 39 วรรค 1 เขาขอ 8 อาคารโรงงาน ขอไว้8 แต่ไม่ได้เป็นไปตามคำขอ จึงสั่งปิดและอายัดไว้ โรงงานแรกมีใบอนุญาต แต่อีก 2 แห่งไม่มีใบอนุญาตตามพ.ร.บ.โรงงาน เป็นโรงงานในเครือเดียวกันทั้ง 2 แห่ง เข้าตรวจค้นเนื่องจากได้รับเรื่องแจ้งจากทั้งชาวบ้าน และผู้ใหญ่บ้าน ตรวจพบอาคาร 1-3 มีการย้ายเครื่องจักรออกไป แต่ อาคาร 4-6 มีทำเตาหลอม และติดตั้งเครื่องจักรเพิ่ม ชาวบ้านแจ้งว่า ทราบว่าโรงงานถูกสั่งปิดไปแล้ว แต่พบมีการทำงาน มีเสียง และมีควันสีเหลืองและมีกลิ่นออกมา
สารเคมีที่พบในโรงงาน จะเป็นเศษผง เข้าข่ายอันตราย ผิดพ.ร.บ.วัตถุอันตราย จึงได้ดำเนินการอายัด ปัญหาคือที่เก็บ ตอนนี้ใช้เชือก พลาสติกคลุมไว้ ห้ามเคลื่อนย้าย แต่ไปพบว่า สิ่งที่เคยอายัดไว้ มีการเปลี่ยนแปลงไป คาดใช้เครื่องจักรทำงาน ครั้งนี้ไปดำเนินการอีกครั้ง ไม่ค่อยห่วงของที่เก็บในอาคารถ้าไม่โดนน้ำไม่อันตราย แต่ห่วงของอยู่ที่ด้านนอก พวกเศษพลาสติก โลหะ ถุงบิ๊กแบค เหมือนเขม่า ขี้เถ้า ตรวจตัวอย่างก็มีองค์ประกอบวัตถุอันตราย น่าเป็นห่วง โรงงานนี้เจ้าของ ชื่อ-นามสกุลเป็นไทย แต่สัญชาติเป็นจีน มีภรรยาเป็นต่างชาติ
จากการตรวจสอบโดยละเอียด เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำผิดในข้อหาเพิ่มเติม จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและข้อมูลเพื่อส่งดำเนินคดี ดังนี้
1. ข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่มีใบอนุญาตตามมาตรา 12 วรรคสอง มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 50 วรรคหนึ่ง จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. ข้อหาประกอบกิจการโรงงานโดยไม่มีใบอนุญาตตามมาตรา 12 วรรคหนึ่ง มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 50 วรรคหนึ่ง จำคุกไม่เกิน 2 ปี หริอปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งปิดโรงงาน มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 55 วรรคหนึ่ง จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับวันละ 5,000 บาทจนกว่าจะหยุดประกอบการ
อีกทั้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสิ่งของที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 35(3) แห่ง พ.ร.บ. โรงงาน และมาตรา 54(3) แห่ง พ.ร.บ. วัตถุอันตราย ได้ยึดและอายัดไว้ในทุกอาคาร พบว่ามีการสูญหายหรือมีการเคลื่อนย้ายสิ่งของดังกล่าวออกไปนอกพื้นที่ จึงได้ดำเนินการเอาผิดเพิ่มเติม ดังนี้
1. ความผิดข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานตามมาตรา 56 พ.ร.บ. โรงงาน จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. ความผิดข้อหาทำลายหรือเคลื่อนย้ายของกลางที่ยึดอายัดตามมาตรา 141 และมาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายอาญา จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. เจ้าหน้าที่ดำเนินการนำตัวอย่างวัตถุดิบหรือสิ่งของต่างๆ ภายในโรงงานมาทดสอบหาส่วนประกอบ พบว่าเป็นวัตถุอันตราย และไม่มีใบอนุญาตครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 แต่อย่างใด กรณีดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามมาตรา 23 วรรคหนึ่ง มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเป็นความผิดซึ่งหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงใช้อำนาจจับกุมทันที ตามมาตรา 78(1) ประกอบมาตรา 80 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อันเป็นเหตุให้จับวิศวกรชาวจีน ผู้ดูแลรักษาสถานที่ ดำเนินคดี
#โรงงานฝ่าฝืนคำสั่งปิด
#ตรวจโรงงานปราจีนบุรี
Cr:กรมโรงงานอุตสาหกรรม