สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย แถลงเรื่องฝึกซ้อมทางทหารของกองทัพรัสเซียว่า รัสเซียได้ซ้อมยิงขีปนาวุธระยะไกลหลายพันไมล์เมื่อวานนี้(29 ต.ค.) เพื่อจำลองการตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ในกรณีข้าศึกคือ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต)ซึ่งมีสหรัฐฯเป็นแกนนำ เปิดฉากโจมตีรัสเซียด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก่อน เนื่องจากจากความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีภัยคุกคามใหม่ๆจากภายนอก ซึ่งอาจจะกระทบความมั่นคงของรัสเซีย มีความจำเป็นที่รัสเซียจะต้องทำการซ้อมรบ เพื่อเตรียมหน่วยทหารในกองกำลังเชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซียที่รับผิดชอบการใช้อาวุธนิวเคลียร์ให้พร้อมรบตลอดเวลา
นายปูตินย้ำว่า รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นเท่านั้น พร้อมประเมินเรื่องการสู้รบกับยูเครนในปัจจุบันว่า รัสเซียไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์มาสู้รบ เพื่อให้มีชัยชนะในการทำสงครามกับยูเครน ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า ตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565 นายปูตินได้ส่งสัญญาณไปถึงชาติตะวันตกมาหลายครั้ง รวมถึงถอนตัวจากสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ พร้อมทั้งส่งขีปนาวุธที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ไปประจำการยังเบลารุส เพื่อนบ้านและพันธมิตรของรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ นายปูตินได้อนุมัติเอกสารเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียในเดือนที่แล้ว เพิ่มเติมรายละเอียดว่า มีสถานการณ์ใดบ้างที่รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์มาโจมตีข้าศึก เช่น ให้ถือว่า การที่ยูเครนใช้อาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติมหาอำนาจทางนิวเคลียร์จากชาติตะวันตก ถือเป็นการเข้าร่วมทำสงครามโดยตรงกับรัสเซียด้วย ซึ่งเป็นการเตือนไปถึงสหรัฐฯไม่ให้ส่งมอบขีปนาวุธพิสัยไกลให้กับยูเครนสำหรับใช้โจมตีไกลถึงดินแดนรัสเซีย สำหรับรัสเซียเป็นมหาอำนาจทางนิวเคลียร์รายใหญ่ของโลก โดยรัสเซียและสหรัฐฯครอบครองร้อยละ 88 ของหัวรบนิวเคลียร์ทั่วโลก
#รัสเซีย
#ซ้อมอาวุธนิวเคลียร์
#นาโต