ผลสำรวจของ Kyodo News เมื่อวันอังคาร(29 ต.ค.67) เปิดเผยว่า หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์(27 ต.ค.67) คะแนนความนิยมของคณะรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายชิเงรุ อิชิบะ อยู่ที่ร้อยละ 32.1 ลดลงจากร้อยละ 50.7 ก่อนการลงคะแนนเสียง
คะแนนความนิยมที่ลดลง น่าจะสอดคล้องกับผลการเลือกตั้ง พรรคร่วมรัฐบาลเดิม คือ พรรคเสรีประชาธิปไตย(แอลดีพี) มีที่นั่งสส. 191 ที่นั่ง และ พรรคโคเมโตะมีที่นั่งสส.24 ที่นั่ง มีจำนวนสส.รวม 215 ที่นั่งจากทั้งหมด 465 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรของญี่ปุ่น ลดลงจากเดิมคือ 288 ที่นั่ง ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเดิมมีที่นั่งสส.ต่ำกว่าเกณฑ์คะแนนสำหรับการครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรคือ 233 เสียงหลังจากที่ได้คะแนนเสียงลดลง พรรคแอลดีพี กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อเรียกความไว้วางใจของชาวญี่ปุ่นอีกครั้ง จากเรื่องอื้อฉาวการทุจริตเงินบริจาคทางการเมืองในพรรค หลังจากพรรคบริหารประเทศมาตั้งแต่ปี 2555 ทำให้พรรคแกนนำฝ่ายค้านคว้าที่นั่งสส.เพิ่มขึ้น
การสำรวจทางโทรศัพท์ทั่วประเทศ 2 วัน หลังการเลือกตั้ง พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 53 กล่าวว่าไม่ต้องการให้พรรคแอลดีพี และโคเมโตะ ยังคงอยู่ในอำนาจต่อไปหลังจากที่ได้คะแนนเสียงลดลงจนไม่สามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ขณะที่ ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 38.4 กล่าวว่า หวังว่าทั้งสองพรรคจะยังคงบริหารประเทศต่อไป
ขณะที่ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 79.2 กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งสมาชิกพรรคที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวดำรงตำแหน่งสำคัญ ขณะที่ ร้อยละ 16.3 ระบุว่า เห็นด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 28.6 กล่าวว่า นายอิชิบะ ควรลาออกเพื่อรับผิดชอบเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถครองเสียงข้างมากได้ ขณะที่ ร้อยละ 65.7 รู้สึกว่าไม่จำเป็น
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ร้อยละ 91.4 เชื่อว่า เรื่องอื้อฉาวดังกล่าวทำให้พรรคแอลดีพีสูญเสียที่นั่ง
#ครมญี่ปุ่น
#คะแนนนิยมลดลง
แฟ้มภาพ