วันนี้ (29 ต.ค.67) ติดตามการหารือระหว่างนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือเป้าหมายนโยบายการเงิน หรือการกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อสำหรับปี 2568 โดยการหารือดังกล่าวจะมีขึ้นที่กระทรวงการคลัง
ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ระบุว่า นัด ธปท. หารือกรอบการบริหารเงินเฟ้อปีหน้า เพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) และประกาศใช้ในปีหน้า โดยกระทรวงการคลัง จะเสนอขยับกรอบเงินเฟ้อปีหน้า เป็น 1.5-3.5% จากเดิมที่อยู่ที่ 1-3% เพื่อให้ธปท.มีช่องปรับลดดอกเบี้ยนโยบายได้มากขึ้น โดยระยะห่างการบริหารกรอบ ยังเท่าเดิมที่ 2%
รายงานระบุว่า แนวคิดของกระทรวงการคลัง ต้องการเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธปท.ลงมาให้สอดคล้องกับการปรับลดของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่ครั้งล่าสุด เมื่อเดือน ก.ย.67 ลดลง 0.50% ครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ขณะที่ ธปท.อาจมองว่าเป็นการปรับลดที่แรงเกินไป แต่อย่างน้อยควรปรับลดลง 0.25% การปรับลดดอกเบี้ย หากมองว่ามีผลช้ากว่าการใช้นโยบายทางการคลังไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ทำให้ลูกหนี้สินเชื่อของสถาบันการเงิน 84 ล้านบัญชี มีภาระการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงทันที สาเหตุที่ธปท.ไม่อยากปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมา เพราะเกรงว่าเงินเฟ้อจะขยับสูงขึ้น แม้ว่า ขณะนี้เงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ต่ำกว่ากรอบล่างที่ธปท.กำหนด และ ธปท. เชื่อว่า ในสิ้นปีนี้ เงินเฟ้อทั่วไป จะเข้ามาอยู่ภายใต้กรอบที่กำหนด
#กรอบเงินเฟ้อ2568
แฟ้มภาพ