จอร์เจีย ประเทศในยุโรปตะวันออกที่แยกตัวมาจากอดีตสหภาพโซเวียต จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) ล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้งของจอร์เจียนับคะแนนเสร็จแล้วร้อยละ 99 ปรากฏว่า พรรคจอร์เจียน ดรีม ของนายกรัฐมนตรีบิดซินา อิวานิชวิลี มีคะแนนนำร้อยละ 54.2 รองลงมา คือ พรรคโคอะลิชั่น ฟอร์ เชนจ์ ร้อยละ 10.8 และพรรคยูไนเต็ด เนชั่นแนล มูฟเมนท์ รั้งอันดับที่ 3 ร้อยละ 10.1 นายอิวานิชวิลี ได้ประกาศชัยชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 4 ระบุว่า เป็นเรื่องเกิดขึ้นน้อยมากในโลกที่พรรคการเมืองพรรคเดียวจะชนะการเลือกตั้งติดต่อกันในสถานการณ์ที่สภาพเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองมีปัญหาสลับซับซ้อนมากดั่งเช่นในปัจจุบัน
นักวิเคราะห์ ตั้งข้อสังเกตว่า ผลคะแนนในเบื้องต้นแตกต่างอย่างมากจากผลโพลที่จัดทำโดยสำนักโพลต่างๆ เช่น โพลจากชาติตะวันตก และโพลที่จัดทำภายในโดยพรรคฝ่ายค้านที่ระบุว่า 4 พรรคฝ่ายค้าน ชนะด้วยคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 48-51.9 ขณะที่พรรครัฐบาล รั้งอันดับที่ 2 ด้วยคะแนนร้อยละ 40.9 ถึงร้อยละ 42
ขณะที่นางทีนา โบคูชาวา หัวหน้าพรรคยูไนเต็ด เนชั่นแนล มูฟเมนท์ พรรคแกนนำฝ่ายค้าน เชื่อว่า มีการโกงคะแนนเสียงไปจากประชาชนชาวจอร์เจีย พร้อมประกาศจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง เช่นเดียวกับนายนิคา กวาราเมีย แกนนำพรรคฝ่ายค้านอีกคนหนึ่งจากพรรคยูไนเต็ด เนชั่นแนล มูฟเมนท์ กล่าวหาการโกงเลือกตั้งของพรรคจอร์เจียน ดรีม มีผลเท่ากับฉีกรัฐธรรมนูญ โดยพรรคฝ่ายค้านจะปรึกษาหารือกับแกนนำจากพรรคฝ่ายค้านอื่นๆว่า พวกเขาจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป
ด้านองค์กรผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งชื่อ My Vote กล่าวว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งอย่างแพร่หลายในหลายหน่วยเลือกตั้งและมีการใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่เลือกตั้งในบางหน่วยด้วย เชื่อว่าผลเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สะท้อนถึงความประสงค์ที่แท้จริงของประชาชนส่วนใหญ่ในจอร์เจีย ในตอนแรก พรรคฝ่ายค้านมองการเลือกตั้งในครั้งนี้ว่า เป็นการเลือกข้างว่าจะอยู่ฝ่ายใด ระหว่างกลุ่มสหภาพยุโรป กับรัสเซีย และหลายคนมองว่าเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่แยกตัวมาจากอดีตสหภาพโซเวียตในปี 2534
#เลือกตั้งจอร์เจีย
#ยุโรปตะวันออก