รองผบช.ก.ประชุมสอบคลิปเสียงเรียกเงิน'บอสพอล' ดีเอสไอ ขอสภาทนายความ ช่วยดำเนินคดีแพ่งแบบกลุ่ม

21 ตุลาคม 2567, 09:58น.


          การตรวจสอบคลิปเสียง กรณีเรียกรับเงินจากนายวรัตน์พล หรือ บอสพอล พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก.สั่งการ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ประสานข้อมูลร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยงกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อตรวจสอบไฟล์ต่างๆ ในโทรศัพท์มือถือของบอสพอล ที่ตำรวจยึดไว้ ทราบว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนจะเชิญตัวนักการเมือง หรือบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงมาเข้าให้ปากคำ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกรณีนี้หรือไม่ คงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทราบหลักฐานต่างๆ ให้แน่ชัดก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เพราะต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายด้วย ในวันนี้ (21 ต.ค.67) ตนและตำรวจปปป.จะประชุมย่อยนอกรอบ เพื่อหารือแนวทางการทำงานต่อไป



         สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานความคืบหน้าการแจ้งความบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป



-เจ้าหน้าที่รับแจ้งความ ในช่วง 11 วัน 5,648 ราย ความเสียหาย 1,611 ล้านบาท



-ยึดทรัพย์เพิ่ม ยอดรวม 225 ล้านบาท รถ 29 คัน บ้านที่ดิน 3 แปลง นาฬิกา แบรนด์เนม 151 รายการ และ ปืน 2 กระบอก



          ตำรวจสอบสวนกลาง CIB รายงานว่า ในช่วงวันที่ 18-19 ต.ค.67 มีการสอบปากคำผู้เสียหายแล้ว 2,773 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 632 ล้านบาทเศษ           พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหน่วยงานผู้รับผิดชอบสำนวนสืบสวน ได้มีหนังสือถึงนายกสภาทนายความ ขอความอนุเคราะห์พิจารณาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการทำธุรกิจกับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ในการดำเนินคดีแพ่งแบบกลุ่ม



         รายงานข่าว ระบุว่า ฐานความผิดที่จะแจ้งเพิ่ม เป็นข้อหาร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงินเป็นหลัก นอกจากนี้อาจมีข้อหาอื่นๆ ประกอบ เช่น ความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน รวมถึงข้อหาย่อย คือคดีอั้งยี่และซ่องโจร เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรม เป็นขบวนการในลักษณะองค์กรอาชญากรรมอีกด้วย พนักงานสอบสวนบช.ก.จะเข้าไปแจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาทั้งหมดในเรือนจำ คาดว่า จะสรุปข้อหาทั้งหมดที่จะแจ้งเพิ่มเติมได้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีทีมสืบสวนกองบังคับการปราบปราม เป็นทีมหลักในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และสถานะทรัพย์สินของผู้ต้องหาแต่ละราย เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงไปสู่การกระทำความผิดฐานฟอกเงินด้วย นอกจากจะแจ้งข้อหาฐานฟอกเงินแล้ว คณะพนักงานสอบสวนกำลังหารืออย่างใกล้ชิดกับดีเอสไอ ว่าจะรับสำนวนไปดำเนินคดีต่อหรือไม่ เนื่องจากเข้าข่ายหลักเกณฑ์เป็นคดีพิเศษ คาดว่าดีเอสไอกำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่



         ส่วนการขยายผลไปยังผู้ต้องหากลุ่มที่ 2  ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวม หลักฐาน พร้อมให้ชุดสืบสวนแกะรอย ซึ่งจะต้องออกหมายเรียก หรือหมายจับ ผู้ต้องหาในกลุ่มที่ 2 ต่อไปอย่างแน่นอน เช่น กลุ่มแม่ข่ายต่างๆ รวมถึงกลุ่มพนักงานบริษัทบางส่วน ที่เกี่ยวข้องกับการลงนามในเอกสารที่มีผลทางกฎหมาย คงต้องใช้เวลาตรวจสอบ หลักฐานอีกสักระยะ



 



#ดิไอคอนกรุ๊ป



แฟ้มภาพ 



Cr.ขอบคุณข้อมูล-ภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ,DSI กรมสอบสวนคดีพิเศษ



 



 

ข่าวทั้งหมด

X