*องคมนตรี และเลขา กปร.พอใจการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจ.ปัตตานีและนราธิวาส*

12 มิถุนายน 2558, 18:40น.




จากการเดินทางมาลงพื้นที่ 3วัน ระหว่างวันที่ 10-12 มิ.ย.ของนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมด้วยหม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) และคณะในการติดตามตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ในเขตพื้นที่จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส



หม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์ เลขาธิการ กปร. กล่าวว่า การมาลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้เดินทางไปที่ป่าพรุสิรินธร หรือป่าพลุโต๊ะแดง ซึ่งเป็นป่าแห่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ในภาคใต้ ก็พบว่าขณะนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพและอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของอุทยานก็มีการดูแล บริหารจัดการได้ดี โดยที่รักษาระดับน้ำในป่าพลุให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และนอกจากจะดูแลอนุรักษ์ป่าพลุโต๊ะแดงได้ดีแล้ว เจ้าหน้าที่อุทยานยังใช้ผืนป่าเป็นแหล่งเรียนรู้ ให้ประชาชน เยาวชน ในและต่างพื้นที่เข้ามาศึกษา ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการปลูกฝังเยาวชนที่จะเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ให้รู้สึกรัก และหวงแหนป่าในพื้นที่ของตัวเอง



ขณะที่การมาเยี่ยมชมการดำเนินงานของโครงการฟาร์มตัวอย่างโครงการในพระราชดำริฯ 3แห่ง คือ ที่บ้านโคกปาฆาบือซา ในตำบลกะลุวอเหนือ ,บ้านโคกโก ในตำบลโต๊ะเด็ง ,และที่บ้านตอหลัง ตำบลตันหยงลิมอ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ก็เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้เป็นแหล่งอาหาร แหล่งศึกษาเรียนรู้ ของชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อนำความรู้ไปสร้างรายได้ให้ครอบครัวเพิ่มขึ้น ทำให้ชาวบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเช่นกัน  ขณะการที่ลงเยี่ยมโครงการต่างๆในครั้งนี้ ก็เห็นถึงการพัฒนาของแต่ละโครงการที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพที่ดีและมั่นคงขึ้น



ขณะที่การลงพื้นที่จุดสุดท้ายขององคมนตรี และคณะ เมื่อช่วงบ่ายในการลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี และนราธิวาสครั้งนี้  ได้มาติดตามเยี่ยมชมการดำเนินงานของโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ บ้านตอหลัง ในพื้นที่ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส





นางสาวจันทนา เพ็ชร์ดำ นักจัดการงานในพระองค์ฯ ประจำโครงการฟาร์มตัวอย่างฯ บ้านตอหลัง  เล่าให้ฟังว่า โครงการแห่งนี้มีพระดำริให้สร้างขึ้นเมื่อปี 2547 เนื่องจากพระองค์ เห็นว่าพื้นที่แถบนี้ เป็นพื้นที่ ที่มักจะเกิดเหตุความไม่สงบอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้ชาวบ้านไม่สามารถออกไปทำงานไกลบ้านได้ จนทำให้มีรายได้ที่ไม่มากมาใช้จ่ายในครอบครัวนอกจากการกรีดยาง พระองค์จึงตั้งโครงการฟาร์มตัวอย่างฯ บ้านตอหลัง เพื่อให้ชาวบ้านแถบนี้มาทำงาน เรียนรู้ ศึกษาการเกษตรที่ถูกต้อง และให้นำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาในพื้นที่ควบคู่กับการปลูกยาง เช่น ปลูกพืชผัก ไม้ผลไม่ เช่น ข้าวโพด ,ถั่วฝักยาว ,กล้วย ,มะพร้าวน้ำหอม ,และมะนาว ควบคู่ปลูกต้นยาง เพื่อจะได้มีรายได้เพิ่มเติมมาใช้จ่ายในครอบครัว หรือถ้าบ้านใครมีพื้นที่เป็นแหล่งน้ำก็ส่งเสริมให้เลี่ยงปลานิลดำ และ ปลานิลแดง ซึ่งจากที่โครงการดำเนินมากว่า 11ปี ชาวบ้านที่เข้ามาศึกษา เรียนรู้ ก็นำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาในที่ดินของตัวเอง ซึ่งทำให้มีรายได้ในครอบครัว เพิ่มขึ้นเฉลี่ย เดือนละกว่าหมื่นบาทต่อเดือน





ผู้สื่อข่าว:วิรวินท์ ศรีโหมด 

ข่าวทั้งหมด

X