การลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นในโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะที่ 2 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและการลงนามในสัญญเงินกู้สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟสายดังกล่าวของไทยและญี่ปุ่น นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เป็นการกู้เงินญี่ปุ่นต่อในช่วงที่สองต่อจากช่วงแรก โดยรัฐบาลญี่ปุ่นให้กระทรวงการคลังของไทยกู้เงินกว่า 38,203 ล้านเยนหรือ10,697ล้านบาทผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นหรือ ไจก้า เพื่อนำไปก่อสร้างโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงในระยะที่ 2 โดยเงินกู้นี้เป็นการทยอยจ่ายตามขั้นตอนของการดำเนินงานและเป็นเงินกู้ผ่อนปรน มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.4 ต่อปีลดลงจากที่กู้ญี่ปุ่นในครั้งแรกเพื่อมาก่อสร้างโครงการนี้ไปกว่าร้อยละ 1 โดยในครั้งแรกที่กู้มากว่า 30,000ล้านบาท ไทยต้องเสียอัตราภาษีร้อยละ 1.4 ต่อปี ทั้งนี้นอกจากจะเสียค่าอัตราดอกเบี้ยแล้วการกู้ครั้งนี้ไทยยังต้องเสียค่าธรรมเนียมเงินกู้ร้อยละ0.2 ต่อปี ส่วนกำหนดระยะเวลาชำระหนี้มีอายุ 20 ปีเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาชำระหนี้ เนื่องจากยอดหนี้สาธารณะของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ในปีหน้าจะมีการกู้เงินจากญี่ปุ่นอีกครั้งในครั้งที่สาม โดยจะกู้ในจำนวน 30,000-35,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มเจรจาไปแล้ว คาดว่าไม่น่ามีปัญหา ส่วนโครงการรถไฟสายสีแดงคาดจะแล้วเสร็จพร้อมเดินรถได้ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งกำลังเร่งก่อสร้างอยู่ ส่วนแนวทางใช้หนี้รัฐบาลญี่ปุ่น ก็คาดว่าจะมีหลายทางทั้งรายได้จากการเดินรถ งบประมาณรัฐและรายได้ของรัฐบาล สำหรับสาเหตุที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินกู้ ก็เพราะญี่ปุ่นสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้และเห็นว่าเป็นโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ไทยยังต้องซื้อระบบสัญญาณและตัวรถจักรจากญี่ปุ่นเพิ่มเติมด้วย สำหรับการก่อสร้างโครงการนี้ ใช้แนวก่อสร้างรถไฟเดิม ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จจะช่วยเชื่อมต่อการเดินทางให้สะดวกโดยต่อไปยังรถสาธารณะสายต่างๆได้ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการจราจรในกรุงเทพฯให้ดีขึ้นและยังเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ส่วนการก่อสร้างรถไฟสายอื่นๆ นาย สมหมายระบุว่า ไม่ได้กู้จากรัฐบาลญี่ปุ่นโดยใช้เงินจากงบประมาณรัฐบาลและเงินกู้จากแหล่งอื่นแทน
ในวันนี้นายสมหมายพร้อมด้วยนาย Shiro Sadoshima เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยและนาย Shuichi Ikeda หัวหน้าผู้แทนไจก้าได้ร่วมกันลงนามในสัญญาเงินกู้และแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางการเงินระหว่างไทยกับญี่ปุ่นด้วย
นายสมหมาย ยังกล่าวถึงการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 1.50 ว่าขณะนี้ถือว่ามีความสมดุลกับสถานการณ์ในด้านต่างๆของประเทศแล้ว และไม่ถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำเกินไปด้วย
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร