การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสนช.ในวันนี้ มีการตั้งกระทู้ถามเรื่อง การพิจารณาปรับปรุงหรือยกเลิกสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือ สมศ.ที่นาย วัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสนช.เป็นผู้ตั้งถามนายกรัฐมนตรี โดยมีทางนาย ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายสังคมและพล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาสัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้มาตอบแทนนายกรัฐมนตรีนั้น
นายวัลลภ กล่าวว่าการมีสำนักงานประเมินการศึกษาจำนวนมากไม่ได้ส่งผลให้การศึกษาไทยดีขึ้นหรือเป็นการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เห็นได้จากแม้กระทรวงศึกษาธิการจะได้รับงบประมาณจำนวนมากแต่การศึกษาไทยยังล่าหลังอยู่อันดับ 8 ในภูมิภาคอาเซียน โดย สมศ.มีกลไลและรูปแบบของการประเมินการศึกษาที่ดูเหมือนสร้างภาระให้กับการศึกษา และบุคลากรที่ต้องเตรียมการประเมินคุณภาพทำให้ครูมีภาระอื่นมากกว่าการสอนและส่งผลให้ไม่มีเวลาสอนหนังสือเด็ก เนื่องจากในหลักเกณฑ์การประเมินกำหนดให้ โรงเรียนหรือสถานศึกษาต้องมีมาตรฐานตามกำหนดทั้งเอกสาร สถานที่ บุคลากรคน ส่วนตัวเห็นด้วยหากจะมีการประเมินแบบออนไลน์ซึ่งอาจลดเวลาและภาระของโรงเรียนลงได้ ส่วนบริษัทที่รับประเมินการสอนที่จ้างมาจากสมศ.ที่มีทั้งอดีตผู้อำนายการ ครู และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตเข้าไปเป็นกรรมการในการประเมินเหมือนเป็นการเปลืองงบประมาณโดยไม่จำป็น จึงต้องการให้ยกเลิกบริษัทประเมินต่างๆนี้ และให้กระทรวงศึกษาเข้าไปประเมินด้วยตัวเอง ทั้งนี้ยังได้ตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่าจะมีนโยบายปรับปรุงหรือยกเลิกสมศ.หรือไม่ และเมื้อมีระบบประเมินแบบออนไลน์จะมีการจ้างบริษัทต่างๆมาประเมินการสอนอยู่หรือไม
ด้านรองนายกรัฐมนตรี ยงยุทธ ตอบกระทู้โดยระบุว่าสมศ.ไม่ได้อยู่ในการควบคุมกระทรวงศึกษาธิการและตัวเองก็ทราบดีว่าสังคมเป็นห่วงและมีข้อกังวลมาก แต่สมศ.ก็ถือว่าเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ได้ดีตลอดสิบกว่าปี แม้จะเป็นองค์การมหาชน แต่ก็เชื่อว่าจะต้องมีการปรับปรุงองค์กรสมศ.เพิ่มซึ่งจะนำไปหารือร่วมกันกับสมศ.และกระทรวงศึกษาธิการต่อไป ส่วนการประเมินคุณภาพของสมศ. ยังไม่ควรยกเลิกในขณะนี้ การประเมินที่ให้หน่วยงานที่เป็นกลางยังจำเป็นต้องใช้บริษัทรับประเมิน เพราะอาจผิดหลักเกณฑ์ของกระทรวงศึกษาธิการที่จะใช้บุคคลากรของกระทรวง เนื่องจากอาจถูกมองว่าจะไม่เป็นกลาง ส่วนการใช้ระบบการประเมินแบบออนไลน์ หากออกแบบดีเชื่อว่าจะมีประโยชน์มาก เพราะจะเห็นผลการประเมินภาพรวมได้ทั้งประเทศ และขณะนี้ที่มีสถานศึกษาเป็นจำนวนมากกว่า 6 หมื่นแห่ง จำเป็นต้องมีบริษัทจากภายนอกเข้ามาช่วยการประเมิน เนื่อวจากสมศ.มีบุคลากรไม่พอต่อการประเมิน
ขณะที่พล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยอมรับว่า อันดับการศึกษาไทยยังไม่น่าพอใจ ทั้งที่ได้รับงบประมาณมาก เนื่องจากร้อยละ 70ของงบประมาณหมดไปกับค่าใช้จ่ายบุคลากร ส่วนการประเมินออนไลน์น่าจะช่วยลดภาระโรงเรียนและครูได้มากขึ้นแต่ก็ยังจำเป็นที่ต้องมีเจ้าหน้าที่ไปประเมินตามสถานศึกษาอยู่โดยเฉพาะตามโรงเรียนชายแดน
แฟ้มภาพ