*องคมนตรี เยี่ยมโครงการฟาร์มตัวอย่างฯจ.นราธิวาส สร้างอาชีพรายได้ให้กับชาวบ้าน*

11 มิถุนายน 2558, 17:02น.


โครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถบ้านโคกปาฆาบือซาที่มีจุดประสงค์ เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่  ในวันนี้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมด้วย หม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) และคณะ ในพื้นที่ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ได้ลงพื้นที่ ตรวจเยียมโครงการ นายมาหะมะฮามรางค์ สะยุ เจ้าหน้าที่ในโครงการฟาร์มตัวอย่างฯ เล่าให้ฟังว่า โครงการฟาร์มตัวอย่างในพระราชดำริฯ แห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 เนื่องจากพระองค์ ทรงอยากให้ประชาชนในแถบนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งแต่เดิมชาวบ้านแถบนี้ประกอบอาชีพประมง และเผาถ่านจากต้นเสม็ด จำหน่าย เนื่องจากพื้นที่แถบนี้แต่เดิมป่าพลุ และเมื่อพระองค์ทรงมีพระราชดำริฯ ให้ก่อสร้างโครงการฟาร์มตัวอย่างฯ บ้านโคกปาฆาบือซาขึ้น ก็รับสั่งให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ในพระราชดำริฯ มาพัฒนา พื้นที่ แถบนี้ให้สามารถปลูกพืชผลการเกษตรได้ รวมไปถึงให้ชุดแหล่งน้ำเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำจืดภายในฟาร์มฯ และเปิดให้ชาวบ้าน เกษตรกรในพื้นที่เข้ามาศึกษาเรียนรู้ เพื่อนำกลับไปพัฒนาต่อยอดที่บ้าน โดยมีค่าตอบแทนระหว่างเข้ามาทำงานให้ด้วย  นอกจากจะให้ความรู้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ทางด้านเกษตรแล้ว ยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปเป็นอาชีพเสริมในครัวเรือน จนทำให้ชาวบ้านในแถบนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น





โครงการฟาร์มตัวอย่างฯ บ้านโคกปาฆาบือซา มีพื้นที่ 205ไร่ ภายในโครงการจะแบ่งออกเป็น 4โซน คือ โซนส่งเสริมการปลูกพืชผัก เช่น ผักบุ้งจีน มะเขือยาว ถั่วพู พริกขึ้หนู ข้าวโพดฝักอ่อน ,โซนปลูกไม้ผล อาทิ ต้นแก้วมังกร มะละกอ มะพร้าว มะม่วงเบา ,โซนงานแปรรูป เช่น ทำข้าวเกรียบ ส้มแขกแช่อิ่ม และโซนงานปศุสัตว์ เลี้ยงแพะนม แพะพื้นเมือง และเลี้ยงปลานิล ซึ่งผลผลิตต่างๆในโครงการตัวอย่างจะนำไปจำหน่ายที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และตลาดบางนาค ในอำเภอเมืองนราธิวาส โดยที่รายได้ทั้งหมดจะนำมาใช้ภายในโครงการฟาร์มตัวอย่าง เพื่อสนับสนุนชาวบ้านและเกษตรกรต่อไป



นางสาว รอมือละห์ มามุ เกษตรกร และเจ้าหน้าที่ในโครงการฯ เล่าให้ฟังว่า ตัวเองเข้ามาทำงานในโครงการตัวอย่างฯนี้ได้ 4ปี แต่เดิมเป็นแม่บ้าน ช่วยสามีทำสวนยาง แต่ด้วยราคายางที่ไม่คงที่ จึงทำให้รายได้ครอบครัวไม่แน่นอน และเมื่อมีโครงการฟาร์มตัวอย่างในพระราชดำริฯ นี้ ตัวเองก็เข้ามาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของโครงการ และนำความรู้ทางการเกษตรไปพัฒนาที่บ้าน โดยปลูกพืชผักสวนครัว เช่น ผักบุ้ง แตงกวา ถั่งฝักยาง ควบคู่กับปลูกสวนยางที่บ้าน และนำไปจำหน่าย ซึ่งทำให้ตอนนี้ครอบครัวมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น อีกเดือนละกว่า 1หมื่นบาท จนทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าแต่ก่อน





ด้านนายดุลาเดะ เจ๊ะเต๊ะ เกษตรกรในโครงการฯ เล่าให้ฟังว่า ตัวเองเข้ามาทำงานในโครงการนี้ได้  6ปี ซึ่งแต่เดิมทำประมง เรือเล็ก มีรายได้ไม่คงที่ เนื่องจากการจับปลาจะได้จำนวนปลาไม่แน่นอน และบางที่มีมรสุม ก็ไม่สามารถออกไปทำประมงได้ แต่เมื่อเข้ามาทำงานในโครงการฯและนำความรู้ไปพัฒนาในที่ดิน ที่บ้าน บนพื้นที่ 1ไร่ ซึ่งจะปลูกพืชผักสวนครัว แบบระบบหมุนเวียนตลอดทั้งปี ทำให้ตอนนี้มีรายได้ที่มั่นคง แน่นอน และมั่นคงกว่าเมื่อก่อน  หลังการเยี่ยมชมโครงการแล้ว องคมนตรี ได้ปล่อยพันธุ์ปลานิล ลงในแหล่งน้ำภายในฟาร์ม เพื่อให้ชาวบ้านศึกษาและเรียนรู้ต่อไป

ข่าวทั้งหมด

X