รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่าปลายปีนี้ (2567) อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นจากปัจจัยราคาพลังงานและอาหาร ร่วมด้วยสงครามตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้างขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 8 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้อัตรากำลังการผลิตส่วนเกินของกลุ่มโอเปคพลัส จะช่วยสกัดไม่ให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นในระยะสั้น แต่หากมีการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในการผลิตน้ำมันและส่งออกน้ำมันในอิหร่านและตะวันออกกลาง คาดการณ์ได้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอาจพุ่งสูงกว่า 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และจะทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับขึ้นเป็นหนึ่งเท่าตัว ซึ่งการที่เงินบาทแข็งค่าจะลดแรงกดดันราคาพลังงานและเงินเฟ้อได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น สิ่งสำคัญในสถานการณ์นี้คือการลดสัดส่วนการใช้จ่ายทางด้านพลังงานต่อจีดีพี การอนุรักษ์และประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากไทยนำเข้าพลังงานและน้ำมันจากตะวันออกกลางสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50-52 ของการนำเข้าทั้งหมดของไทย ประเทศไทยอาจต้องมีสำรองน้ำมันหรือพลังงานเพิ่มกว่าระดับปกติเพราะอาจมีปัญหาการขาดแคลนพลังงานหรือการชะงักงันของการขนส่งน้ำมันได้ ส่วนกองทุนน้ำมันเดือนกันยายน 2567 ยังคงติดลบต่อเนื่องและยังคงติดลบเฉลี่ยประมาณ 1 แสนล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยเดือนละเกือบ 200 ล้านบาท
สถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางอาจทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกทดสอบระดับ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในเร็ว ๆ นี้ และในระยะต่อไปราคาทองคำอาจพุ่งแตะระดับที่บาทละ 45,000 บาท การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมีความไม่แน่นอนและผันผวนสูงขึ้น
...
#มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
#เศรษฐกิจ