การติดตามการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยฟาฏอนี หรือชื่อเดิม วิทยาลัยอิสลามยะลา สถาบันอุดมศึกษาเอกชน อิสลามแห่งแรกในประเทศไทย ของนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมด้วย หม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) และคณะ ในพื้นที่บ้านโสร่ง ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นายกสภามหาวิทยาลัยฟาฏอนี ในฐานะผู้ก่อตั้งมหาลัยฯ กล่าวรายงานว่า มหาวิทยาลัยแห่งนี้ แต่เดิมก่อตั้งเป็นวิทยาลัยอิสลามยะลา เมื่อปี 2541 ในพื้นที่บ้านปารามีแต ตำบลบุดี อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ต่อมาได้พัฒนา และสร้างใหม่ ที่บ้านโสร่ง ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เมื่อปี 2554 และพัฒนาระบบทางการศึกษา พร้อมเปลี่ยนชื่อ เป็นมหาวิทยาลัยฟาฏอนี เมื่อปี 2556 จุดประสงค์เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักแก้ไขปัญหาในแบบสันติวิธี เช่นการสอนด้านจริยธรรม และความรู้สึก เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม ซึ่งการสอนแบบนี้จะแตกต่างการสอนของมหาวิทยาลัยทั่วไป ที่จะเน้นแต่การสอนในหลักวิชาการเพียงอย่างเดียว
สำหรับ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี แห่งนี้ปัจจุบันมีนักศึกษาทั้งหมด 3,561คน ส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาอิสลาม และรองลงมาจะเป็นนักศึกษาจากหลายประเทศในอาเซียน กว่า 211คน เช่น จีน ,เวียดนาม ,พม่า ,เขมร ส่วนการสอนจะใช้ 4ภาษาในการสอน คือ ไทย อังกฤษ มลายู และอาหรับขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่เรียน เช่น ถ้าเป็นสาขาวิชาเกี่ยวกับภาษา จะใช้ภาษามาลายู แต่ถ้าเป็นวิชาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จะใช้ภาษาอังกฤษ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี กล่าวว่า ในอดีตเคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี รู้สึกภูมิใจที่สถาบันแห่งนี้มีมาตราฐานมาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน และขณะนี้ก็เป็นที่ยอมรับจากนักศึกษาในอาเซียน เชื่อว่าการศึกษาจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะนำความสงบสุขมาสู่ภูมิภาคในแถบนี้ และประเทศชาติ พร้อมทั้งหยิบยก พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เกี่ยวข้องกับปรัชญาทางการศึกษา ที่เคยพระราชทานไว้ว่า ไม่อยากเห็นเด็กไทยเก่งเฉพาะการเรียน แต่อยากเห็นเด็กไทยมีคุณภาพควบคู่ไปกับการพัฒนาทางด้านความรู้ นั้น อยากให้ทางมหาวิทยาลัยฟาฏอนี น้อมนำมาใช้ควบคู่ไปกับพัฒนาองค์กร
วิรวินท์ ศรีโหมด รายงานจากจ.ปัตตานี