นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบหารือกับนางจูลี บิชอป ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมา ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 79 นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ได้ย้ำความพร้อมของไทยที่จะสนับสนุนภารกิจของผู้แทนพิเศษฯ ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ทั้งกับไทยและภูมิภาค เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและมุมมองในการส่งเสริมการแสวงหาทางออกต่อสถานการณ์ในเมียนมาให้มีความยั่งยืน ที่นำโดยเมียนมาและที่เมียนมามีความเป็นเจ้าของ
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการดำเนินการด้านมนุษยธรรมสำหรับประชาชนเมียนมา ผ่านการส่งเสริมความสอดประสานระหว่างสหประชาชาติกับอาเซียน โดยเฉพาะการผลักดันการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน โดยผู้แทนพิเศษฯ ได้ชื่นชมบทบาทของไทยในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเมียนมา รวมถึงการมอบเงินอุดหนุนให้แก่ศูนย์ประสานงานสำหรับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมการจัดการภัยพิบัติ (AHA Centre) เมื่อเดือนส.ค.67
นอกจากนี้ นายมาริษ กล่าวถ้อยแถลงในหัวข้อ “Multilateral Solutions for a Better Tomorrow” แสดงความเห็นต่อการสร้างอนาคตร่วมกันของโลกว่า ทุกคนจะได้รับการปกป้องและมีความเจริญรุ่งเรือง ผ่านความมุ่งมั่นทางการเมืองเพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ของโลกไปด้วยกัน โดยได้เน้นประเด็นต่าง ๆ เช่น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นแนวทางสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน การต่อต้านยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติและไซเบอร์ การปฏิรูปสหประชาชาติ ซึ่งรวมถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้สถาปัตยกรรมโลกสะท้อนผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนามากยิ่งขึ้น รวมถึงการส่งเสริมพลังของเยาวชนเพื่อให้มีส่วนร่วมในการสรรค์สร้างอนาคตที่ต้องการ
ประเทศไทยสนับสนุนให้กระบวนการจัดทำ Pact for the Future สะท้อนถึงผลประโยชน์ร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
การประชุมได้รับรองคำมั่นเพื่ออนาคต (Pact for the Future) เป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุม และเอกสารภาคผนวก 2 ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญาว่าด้วยอนุชนรุ่นหลัง (Declaration on Future Generations) และคำมั่นด้านดิจิทัลระดับโลก (Global Digital Compact) โดยได้ร่วมให้ความเห็นต่อการยกร่างเอกสารดังกล่าว พร้อมหวังว่าเอกสารดังกล่าวจะสามารถตอบโจทย์ความท้าทายของโลก และให้ความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยในปีนี้ ไทยได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสหประชาชาติและ Summit of the Future ให้กับสาธารณชนด้วย
การประชุม Summit of the Future มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเร่งรัดการดำเนินการของภาคส่วนต่าง ๆ ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และกำหนดประเด็นสำคัญและทิศทางการดำเนินงานของสหประชาชาติเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความท้าทายในโลกปัจจุบันและอนาคต อีกทั้งยังเป็นกระบวนการสำคัญในการส่งเสริมระบบพหุภาคีนิยมที่มีสหประชาชาติเป็นแกนกลาง และรักษาให้สหประชาชาติยังคงมีบทบาทและความหมาย (relevance) ตลอดจนสามารถตอบสนองต่อความต้องการของรัฐสมาชิก
#ประชุมยูเอ็น
#เมียนมา
#สหรัฐ
Cr.ขอบคุณข้อมูล-ภาพ กระทรวงการต่างประเทศ Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand