สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 38 คน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีมีแชล บาร์นีเย จากพรรครีพับลิกันส์(Republicans) พรรคอนุรักษ์นิยม เพื่อเข้ามาบริหารประเทศ เกือบ 3 เดือนหลังการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนก.ค. เกิดปัญหาวิกฤตทางการเมืองที่เรียกว่า รัฐสภาแขวน เนื่องจากพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย ฝ่ายกลางและฝ่ายขวา มีสัดส่วนสส.เท่าๆกัน แต่ไม่มีพรรคใดคว้าที่นั่งสส.เกินกึ่งหนึ่ง 289 เสียงจากทั้งหมด 577 เสียง พอที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเข้ามาบริหารประเทศ
สำหรับกระทรวงหลักๆในคณะรัฐมนตรี เช่น นายบรูโน เรเตออียู แกนนำจากพรรคพรรครีพับลิกันส์ สายอนุรักษ์นิยมที่ก่อตั้งโดยอดีตประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีความมั่นคงภายใน นอกจากนี้ นายมาครงได้ตั้งรัฐมนตรีอื่นๆอีก 9 ตำแหน่งจากพรรครีพับลิกันส์ พร้อมทั้งแต่งตั้งนักการเมืองจากพรรคสายกลางเข้ารับตำแหน่งสำคัญๆอีกหลายคน เช่น นายเซบาสเตียน เลอร์ซอร์นู เป็นรัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส นายฌ็อง-โนเอล บาร์โร อดีตรัฐมนตรีกิจการยุโรป เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ นายอ็องตวน อาร์ม็อง เป็นรัฐมนตรีคลัง และแต่งตั้งนายดีดีเย ดีการ์ นักการเมืองฝ่ายซ้ายเพียงคนเดียวเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม
จากรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของฝรั่งเศส สะท้อนให้เห็นการปรับขั้วการเมืองใหม่ เป็นการจับมือระหว่างพรรคสายกลางของนายมาครงกับพรรคฝ่ายขวา เพื่อให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง ถึงแม้ว่าพรรคแนวร่วมนิวป็อบปูลาร์ฟอนต์ (NFP) พรรคซ้ายจัด ที่มีนายฌอง-ลุค เมลองชอง ผู้นำพรรคฟรานซ์ อันบาวด์(France Unbowed) เป็นแกนนำ ชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 7 ก.ค.คว้าที่นั่งสส.รวม 182 เสียง รองลงมาคือ กลุ่มพันธมิตรสายกลาง เอนเซมเบิล(Ensemble) ที่มีพรรคเรเนอซองส์(Renaissance) ของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เป็นแกนนำได้ 163 ที่นั่ง ส่วนพรรคขวาจัดอย่างเนชั่นแนล แรลลี(National Rally หรือ พรรคราสซอมบลีมอนต์ นิซิยองนาล(Rassemblement National: RN) ของนาง มารีน เลอ เปน ผู้นำฝ่ายค้าน ครั้งอันดับที่ 3 ได้ 143 ที่นั่ง แต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจากพรรคอื่นๆในการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆให้ผ่านการลงมติจากสภา
การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มีขึ้นหลังจากกลุ่มสหภาพยุโรป(EU)มีหนังสือแจ้งมายังรัฐบาลฝรั่งเศสเมื่อเร็วๆนี้ คาดว่าการขาดดุลงบประมาณของฝรั่งเศสอยู่ที่ร้อยละ 5.6 ของ GDP ในปีนี้ และจะสูงเกินร้อยละ 6 ในปีหน้า เกินข้อจำกัดเรื่องการขาดดุลงบประมาณที่กลุ่ม EU กำหนดไว้คือ ไม่เกินร้อยละ 3
#คณะรัฐมนตรีชุดใหม่
#การเมืองฝรั่งเศส