พ้นโทษ! ติดคุก 13 ปี เรือนจำปล่อยตัว “ราเกซ สักเสนา” คดียักยอกทรัพย์ BBC

10 กันยายน 2567, 13:46น.


          วันนี้ (10 ก.ย.67) มีรายงานว่า ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้รับตัวนายราเกซ สักเสนา อายุ 72 ปี สัญชาติอินเดีย ผู้ต้องขังในคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ (บีบีซี) ออกจากเรือนจำ เพื่อผลักดันออกนอกประเทศ



           "หลังการรับตัวมา นายราเกซ มีอาการป่วย จึงนำตัวไปพักรักษานอนพักที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนขั้นตอนการผลักดันนอกประเทศนั้น กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับประเทศอินเดีย"



            ล่าสุดมีรายงานจากทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ว่า จากการตรวจร่างกาย นายราเกซ ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ พบว่า นายราเกซ มีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถเดินได้ รวมถึงมีอายุมากต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ จึงประสานขอรถที่มีเครื่องมือทางการแพทย์ในการเคลื่อนย้ายตัวนายราเกซนำตัวส่ง รพ.ตำรวจ เพื่อตรวจร่างกายว่าพร้อมเดินทางหรือไม่ ก่อนพิจารณาผลักดันออกนอกประเทศตามกฎหมายต่อไป



            สำหรับนายราเกซรับโทษมาแล้ว 13 ปี ระหว่างอยู่ในเรือนจำ ได้รับการลดโทษเรื่อยมา จนได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 9 ก.ย.67 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวนายราเกซไปยังกองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (บก.สส.สตม.) เพื่อดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ต่อไป



           นายราเกซ เป็นจำเลยคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี ระหว่างปี 2537-2539 ขณะดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่



            โดยในวันที่ 12 ก.ย.2565 ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดอ่านคำพิพากษาฎีกา คดีที่พนักงานอัยการ โจทก์ ยื่นฟ้องนายราเกซ สักเสนา (Rakesy Saxena) จำเลย ความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 รวม 3 สำนวน โดยศาลฎีกา เห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมารับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกายืนโทษจำคุก 335 ปี และปรับ 33,500,000 บาท เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2) และต้องชดใช้เงินอีกกว่า 2.5 พันล้านบาท 



            สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า นายราเกซ ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 2567



           สำหรับ นายราเกซ สักเสนา เป็นนักการเงินการธนาคาร ชาวอินเดีย อดีตที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ เจ้าของฉายา ‘พ่อมดการเงิน’ ถูกดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ เมื่อปี 2539 หลังการล้มละลายของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ ในปี 2538 โดยนายราเกซถูกออกหมายจับ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2539



           แต่นายราเกซ เดินทางหลบหนีออกจากประเทศไทย ไปอาศัยอยู่ที่เมืองวิสต์เลอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา และถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2539 ต่อมาทางการไทยได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่แคนาดา เพื่อนำตัวนายราเกซเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย แต่นายราเกซได้ให้ทนายความยื่นคัดค้าน โดยอ้างว่าถ้าถูกส่งกลับประเทศไทยอาจถูกสังหารหรือถูกขังในคุกอย่างโหดร้ายทารุณ 



          ต่อมาศาลฎีกาแคนาดามีคำพิพากษายกคำร้องคัดค้านของนายราเกซเมื่อเดือนพ.ย.2551 เป็นผลให้ทางการแคนาดาต้องส่งตัวนายราเกซ มาให้ทางการไทยตามกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนวันที่ 31 ต.ค.2552



          หลังจากนั้นในเดือนมิ.ย.2555 ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาให้จำคุกนายราเกซ เป็นเวลา 10 ปี ปรับ 1 ล้านบาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้กักขัง 2 ปี และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้กับธนาคารธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ เป็นจำนวนเงิน 1,132 ล้านบาท



          ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถติดตามยึดทรัพย์คืนจากนายราเกซ ได้เป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาท จากมูลค่าความเสียหายที่ระบุในคำฟ้องเป็นเงินบาท 40,288 ล้านบาท และเงินดอลลาร์สหรัฐ 85.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ





 #ราเกซสักเสนา



#ยักยอกทรัพย์BBC



 

ข่าวทั้งหมด

X