คดีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางกว่า 3 แสนลิตรหายบริเวณท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.67 หลังจาก พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม นำสำนวนจำนวน 6,240 แผ่น (15 แฟ้ม) พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องและสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีนี้ให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ พิจารณามีคำสั่งทางคดี
หลังจากรับสำนวน มีคำสั่งตั้งคณะทำงานเป็นพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 2 เพื่อพิจารณาสำนวน และนัดฟังคำสั่งครั้งแรกในวันนี้ (10 ก.ย.67)
รายงานระบุว่า คดีนี้เป็นสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 19/2567 กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ที่ พันตำรวจโท กอบชัย โตอ่อน กับพวก รวม 2 คน กล่าวหา นายสุนธร เขียวสุวรรณ กับพวกรวม 21 คน กระทำผิด
***พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง
-ผู้ต้องหาที่ 1 ในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่น ส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม,เป็นอั้งยี่,เป็นซ่องโจร,สมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำควานผิด ฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน,ร่วมกันฟอกเงิน, มีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต,กระทำการในเรือในตำแหน่งผู้ควบคุมเรือโดยมิได้รับประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถ หรือทำการในเรือในขณะที่ใบประกาศนียบัตรสิ้นอายุ และใช้เรือโดยไม่ได้รับอนุญาต
-ผู้ต้องหาที่ 7 และ 11 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐานหรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่นส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม,เป็นอั้งยี่,เป็นซ่องโจร,สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิด และได้มีการทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน,ร่วมกันฟอกเงิน,กระทำการในเรือในตำแหน่งผู้ควบคุมเรือโดยมิได้รับประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถ หรือทำการในเรือในขณะที่ใบประกาศนียบัตรสิ้นอายุ และใช้เรือโดยไม่ได้รับอนุญาต
-ผู้ต้องหาที่ 2, 3, 4, 5, 6, 12, 13, 14 ในความผิดฐานร่วมกัน ลักทรัพย์ในกลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่น ส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม,เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจร,สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน
-ผู้ต้องหาที่ 15 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป,ร่วมกันทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่น ส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม และเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด,เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจร, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน
-ผู้ต้องหาที่ 16, 17, 18,19 ในความผิดฐาน ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป และร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่น ส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม และร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดฐานเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจร,สมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน
-ผู้ต้องหาที่ 19 ในความผิดฐาน เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขายให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด
-ผู้ต้องหาที่ 20, 21 ในความผิด ฐานเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด
***พนักงานสอบสวน มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 20 และ 21ในความผิดฐาน ร่วมกันเป็นผู้ใช้ผู้อื่นให้กระทำความผิดฐาน ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่น ส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม และร่วมกันเป็นผู้ใช้ผู้อื่นให้กระทำความผิดฐาน เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
#คดีเรือน้ำมันเถื่อน
แฟ้มภาพ