ปริมาณฝนมากกว่าปกติ! สทนช.ประชุมรับมือน้ำในพื้นที่ภาคกลาง-ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา

05 กันยายน 2567, 20:54น.


          ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมหน่วยงานบริหารจัดการน้ำ ครั้งที่ 7/2567 พื้นที่ภาคกลาง ที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากนั้นได้ลงพื้นที่ติดตามจุดเสี่ยงคันกั้นน้ำ พนังกั้นน้ำ อาคารชลศาสตร์ ในเขตพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก และลงเรือตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ พื้นที่นอกคันกั้นน้ำ คลองโผงเผง คลองบางบาล อ.ผักไห่ และ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา

          เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้ได้ร่วมหารือกับหน่วยงานในส่วนกลางและหน่วยงานในพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ประกอบด้วย จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา รับมือกับสถานการณ์ฝนในเดือน ก.ย.นี้ ที่มีการคาดการณ์ว่าปริมาณฝนมีแนวโน้มจะมากกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงฤดูฝน ทำให้เกิดฝนตกหนักขึ้นในหลายพื้นที่





           ประกอบกับอยู่ในช่วงเฝ้าระวังพายุไต้ฝุ่น “ยางิ” ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน และขึ้นฝั่งทางเกาะไหหลำ โดยจะเข้าสู่ประเทศเวียดนามตอนบน ประมาณเช้าวันที่ 8 ก.ย. 67 ดังนั้น จึงคาดว่าในช่วงวันที่ 8 – 13 ก.ย. 67 จะมีฝนตกเพิ่มพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (บริเวณแม่น้ำโขง) ภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก ซึ่งได้มีการเตรียมพื้นที่รองรับน้ำในเขื่อนต่าง ๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฝนไว้แล้ว รวมถึงจะมีการใช้พื้นที่หน่วงน้ำ เช่น ทุ่งบางระกำ บึงบอระเพ็ด เพื่อใช้ในการลดปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยาด้วย



          โดย สทนช. ได้เสนอแบบจำลองคาดการณ์ปริมาณน้ำจากสถานการณ์ฝนช่วงเดือน ก.ย. คาดว่าจะมีปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสถานี C.2 ที่ จ.นครสวรรค์เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปริมาณน้ำสูงสุดอยู่ที่ 2,000 ลบ.ม./วินาที และจะส่งผลให้ในช่วงวันที่ 9 – 10 ก.ย. 67 จะมีน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น อยู่ในอัตรา 1,500 - 2,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งได้มีประเมินพื้นที่รับผลกระทบเกิดน้ำท่วมเพิ่มเติมในบริเวณพื้นที่ริมแม่น้ำ พื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่นอกคันกั้นน้ำ ของ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี จึงได้ขอให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมในเชิงป้องกันล่วงหน้าเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด  





          โดยระหว่างการลงพื้นที่ครั้งนี้ พร้อมกับหน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมตรวจติดตามความพร้อมอาคารชลศาสตร์ คันกั้นน้ำจุดต่าง ๆ รวมถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่นอกคันกั้นน้ำจังหวัดอยุธยา ตลอดแนวคลองโผงเผง คลองบางบาล อ.ผักไห่ และ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อใช้วางแผนรองรับสถานการณ์ล่วงหน้าได้ด้วย



          นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ประเมินว่าสถานการณ์ฝนทางตอนบนของประเทศจะคลี่คลายลงในช่วงกลางเดือน ก.ย. 67 และจะเคลื่อนที่ลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาบริเวณภาคกลาง จึงมีมติให้ปิดศูนย์อำนวยการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ที่ จ. สุโขทัย และมาตั้งอยู่ที่ภาคกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 67 เป็นต้นไป



 



#น้ำเหนือ



#ไต้ฝุ่นยางิ



 

ข่าวทั้งหมด

X