บังกลาเทศ กังวลโรคระบาดหลังน้ำท่วมหนัก เจอผู้ป่วยหลายพันคน มีอาการท้องร่วง ติดเชื้อ

            ความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน พืชผลทางการเกษตร และสุขภาพอนามัย จากฝนตก น้ำท่วมหนักในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาในบังกลาเทศ

           ปัจจุบันทางการกำลังมุ่งเน้นไปที่การป้องกันการแพร่กระจายของโรคที่เกิดจากน้ำ และความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการระบาดของโรคที่เกิดจากน้ำ เนื่องจากปริมาณน้ำท่วมลดลง และให้แน่ใจว่ามีน้ำดื่มสะอาดเพียงพอ กรมอนามัย เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมง มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเกือบ 5,000 คน จากอาการท้องร่วง ติดเชื้อผิวหนัง และถูกงูกัด

           ฝนตกหนักในกรุงธากา ส่งผลให้น้ำท่วมหลายเขต ระดับน้ำท่วมถึงเข่า ถึงเอว ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก เนื่องจากรถยนต์ต้องขับฝ่าน้ำท่วมขัง

           จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมในบังกลาเทศเพิ่มขึ้นเป็น 71 ราย เมื่อวันอังคาร (3 ก.ย.67) ประชาชนประมาณ 5 ล้านคน ครอบครัวมากกว่า 580,000 ครอบครัว ยังคงติดอยู่ในเขตที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 11 แห่ง และต้องการอาหาร น้ำสะอาด ยารักษาโรค และเสื้อผ้าแห้งอย่างเร่งด่วน ทีมแพทย์เกือบ 500 ทีมกำลังให้ความช่วยเหลือในการรักษา โดยมีกองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ และเจ้าหน้าที่รักษาชายแดนเข้ามาช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์

           กระทรวงเกษตร ประเมินว่า เกษตรกรมากกว่า 1.4 ล้านราย ได้รับผลกระทบ พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายมูลค่า 33,500 ล้านตากา (282 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

           การวิเคราะห์ เมื่อปี 2558 ธนาคารโลก ประมาณการว่า ประชากร 3.5 ล้านคนในประเทศเอเชียใต้มีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมแม่น้ำทุกปี ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มีการเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

          กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) เปิดเผยว่า เด็กๆ กว่า 2 ล้านคนมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษของบังกลาเทศ UNICEF ได้เริ่มระดมทุนด่วน 35 ล้านดอลลาร์เพื่อจัดหาสิ่งของจำเป็นให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ

           เอ็มม่า บริกแฮม รองผู้แทนองค์การยูนิเซฟบังกลาเทศ กล่าวว่า ชีวิตของเด็กนับล้านในบังกลาเทศต้องพบกับความหายนะจากอุทกภัย คลื่นความร้อน และพายุไซโคลน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กๆ อย่างเห็นได้ชัด

#บังกลาเทศ

#น้ำท่วม