แฮร์ริสวิจารณ์ทรัมป์เยือนสุสานทหารนิรนามอาร์ลิงตัน สร้างภาพ-หวังผลทางการเมือง

          หลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันของสหรัฐฯไปเยือนสุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน สุสานทหารนิรนามที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯในรัฐเวอร์จิเนียเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว(26 ส.ค.)ในโอกาสครบ 3 ปีของเหตุระเบิดพลีชีพในสนามบินกรุงคาบูล มีทหารอเมริกันเสียชีวิต 13 นายในช่วงที่สหรัฐฯถอนกำลังทหารจากอัฟกานิสถาน และมีเหตุกระทบกระทั่งกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ประจำสุสานแห่งชาติกับทีมรณรงค์ของนายทรัมป์

          สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตได้โพสต์ข้อความทางสื่อออนไลน์เมื่อวานนี้ (31 ส.ค.)วิจารณ์นายทรัมป์ โดยระบุว่า สถานที่ฝังศพของทหารไม่ใช่สถานที่สำหรับการหาเสียงทางการเมือง กล่าวหานายทรัมป์มุ่งสร้างภาพ เพื่อหวังผลทางการเมือง โดยไม่ให้เกียรติทหารที่สละชีวิตเพื่อปกป้องประเทศชาติ นับเป็นครั้งแรกที่นางแฮร์ริสแสดงความเห็นในประเด็นปัญหาเรื่องนี้

           นางแฮร์ริสระบุว่า เธอไปเยือนสุสานแห่งชาติอาร์ลิงตันมาหลายครั้งระหว่างการดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี แต่เธอไม่เคยใช้การเยือนสุสานแห่งชาติ เพื่อประโยชน์ในทางการเมือง สิ่งหนึ่งที่ชาวอเมริกันเห็นตรงกันคือ ควรให้เกียรติ เคารพและยกย่อง ไม่ควรดูหมิ่นทหารผ่านศึก ครอบครัวทหาร เพราะเหล่าทหารที่ทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ พร้อมวิจารณ์นายทรัมป์โดยไม่ระบุชื่อว่า ใครที่ไม่สามารถทำหน้าที่อันเรียบง่ายแต่มีความศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ไม่ควรจะเข้ามายืนอยู่ข้างตราสัญลักษณ์ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา

          ด้านกองทัพบกสหรัฐฯ เปิดเผยถึง การกระทบกระทั่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่ประจำสุสานแห่งชาติกับทีมงานของนายทรัมป์ว่า เจ้าหน้าที่ที่ดูแลความปลอดภัยประจำสุสานแห่งชาติอาร์ลิงตันเข้าไปผลักเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในทีมรณรงค์หาเสียงของนายทรัมป์ กำชับให้ทำตามกฎระเบียบห้ามบันทึกวิดีโอในบริเวณสุสานแห่งชาติ

          ด้านนายทรัมป์ชี้แจงประเด็นนี้ระหว่างการปราศรัยหาเสียงที่รัฐมิชิแกนเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว(29 ส.ค.)ว่า ทีมรณรงค์หาเสียงของนายทรัมป์ได้รับอนุญาตจากครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตให้บันทึกคลิปวิดีโอ นอกจากนี้ ครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตขอให้ร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกในโอกาสเยือนสุสานแห่งชาติโดยทราบดีว่า นายทรัมป์อยู่ระหว่างลงพื้นที่รณรงค์หาเสียง พร้อมวิจารณ์สื่อเผยแพร่ข่าวชิ้นนี้มากเกินไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัวเขาไม่ต้องการ

          ด้านนายเจดี แวนซ์ ผู้สมัครรองประธานาธิบดีในทีมของนายทรัมป์ ยกประเด็นนี้มาวิจารณ์รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีแฮร์ริสต้องร่วมรับผิดชอบสำหรับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นระหว่างการถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถานในปี 2564 ทำให้นักรบกลุ่มตอลิบานก่อเหตุระเบิดพลีชีพในสนามบินกรุงคาบูล มีทหารอเมริกันเสียชีวิต

#การเมืองสหรัฐ