ทีมหาเสียงของทรัมป์คาดกระแสนิยมแฮร์ริส จะมาแรงอีกระยะหนึ่ง-ปรับแผนเน้นรัฐที่มีคะแนนสูสี

          สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายโทนี ฟาบริซิโอ เจ้าหน้าที่แผนจัดทำโพลล์ในทีมรณรงค์หาเสียงของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันของสหรัฐฯ ได้ส่งจดหมายเวียนถึงทีมรณรงค์หาเสียงของนายทรัมป์เมื่อวานนี้(24 ส.ค.) คาดว่า กระแสนิยมของของนายทรัมป์จะลดไปบ้างในระยะนี้ในกรณีจัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันในช่วง 2- 3 สัปดาห์ข้างหน้า หลังจากพรรคเดโมแครตจัดประชุมใหญ่ในนครชิคาโก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมรับรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริสเป็นแคนดิเดตประธานาธิบดีในศึกเลือกตั้ง 2024 ถือเป็นเรื่องปกติที่ภายหลังประชุมใหญ่ของพรรค คะแนนนิยมของผู้สมัครจะสูงขึ้น เห็นได้จากผลสำรวจของโพลส่วนใหญ่เมื่อเร็วๆนี้ บ่งชี้ว่า นางแฮร์ริส คะแนนนิยมนำนายทรัมป์อยู่ 2-3 จุด นอกจากนี้ การที่สื่อเสนอข่าวด้านบวกกับเกี่ยวกับนางแฮร์ริส เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้คะแนนนิยมของเธอเพิ่มขึ้นในระยะนี้

          ก่อนหน้านี้ นายฟาบริซิโอ กล่าวในเดือนก.ค.ว่า เดือนก.ค.จะเป็นช่วงเวลาแห่งความหวานชื่น(honeymoon period)หรือช่วงเวลาที่คะแนนนิยมจะดีขึ้นต่อเนื่องสำหรับนางแฮร์ริส หลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีในนามพรรคเดโมแครตแทนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งประกาศถอนตัวจากการลงสมัครเลือกตั้งสมัยที่ 2 เมื่อวันที่ 21 ก.ค.โดยผลสำรวจของโพลของ CNN ก่อนหน้านี้ ระบุว่า คะแนนนิยมของนายไบเดนอยู่ที่ร้อยละ 45 ขณะที่คะแนนนิยมของนายทรัมป์อยู่ที่ร้อยละ 49 แต่หลังจากสนามเลือกตั้งของสหรัฐฯเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หลังนายไบเดนประกาศถอนตัวจากการลงเลือกตั้งสมัยที่ 2 พร้อมประกาศสนับสนุนนางแฮร์ริสให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีแทน ทำให้คะแนนนิยมของนางแฮร์ริสขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 1 คือ ร้อยละ 50 ขณะที่นายทรัมป์รั้งอันดับที่ 2 ร้อยละ 48

          นอกจากนี้ หนังสือเวียนของนายฟาบริซิโอยังได้เตือนทีมรณรงค์หาเสียงของพรรครีพับลิกันไม่ให้ให้ความสำคัญมากเกินไปกับผลสำรวจของโพลระดับชาติ ซึ่งส่วนใหญ่แสดงว่า นางแฮร์ริสมีคะแนนนำนายทรัมป์ พร้อมย้ำว่า สิ่งที่ต้องคิดไว้ในใจตลอดเวลาคือ การให้ความสำคัญกับการจัดทำโพลใน 7 รัฐที่ทั้งสองพรรคมีคะแนนสูสีคือ รัฐแอริโซนา,จอร์เจีย,มิชิแกน,เนวาดา,นอร์ทแคโรไลนา,เพนซินเวเนียและรัฐวิสคอนซิน โดยเป้าหมายของพรรครีพับลิกันคือ การคว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้งอย่างน้อย 270 เสียงจากทั้งหมด 538 เสียง จะส่งผลให้นายทรัมป์คว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในการเลือกตั้ง 5 พ.ย.นี้ พร้อมย้ำว่า การชนะเลือกตั้งในรัฐที่มีคะแนนสูสีคือ แนวทางที่พรรครีพับลิกันให้ความสำคัญมากกว่าชนะจากผลคะแนนภาพรวมจากผลสำรวจของโพลทั่วประเทศ

#เลือกตั้งสหรัฐ