สภาพัฒน์ แถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ขยับขึ้นร้อยละ 2.3 ท่องเที่ยว-อุปโภคบริโภคหนุน

19 สิงหาคม 2567, 12:42น.


          เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ของปี 2567 นายดุนชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/67 ขยายตัวร้อยละ 2.3 เร่งขึ้นจากร้อยละ1.6 ในไตรมาส 1/67 และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้วขยายตัวจากไตรมาส 1/67 ที่ร้อยละ0.8 รวมครึ่งแรกของปี 67 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ที่ ร้อยละ1.9



          ส่วนทั้งปียังคงคาดการณ์ GDP ขยายตัวร้อยละ 2.5 แต่ปรับกรอบแคบลงเป็นร้อยละ2.3-2.8 จากเดิมคาดโตร้อยละ2.0-3.0



          ปัจจัยการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/67 โดยในด้านการใช้จ่าย มีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของการอุปโภคบริโภคภาครัฐบาล การส่งออกสินค้าและบริการ และการขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหลักมาจากการผลิตนอกภาคเกษตรที่ขยายตัวจากสาขาอุตสาหกรรม สาขาบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร สาขาขนส่ง สาขาการค้า



          ขณะที่การลงทุนรวม ลดลงร้อยละ 6.2จากการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง ร้อยละ 6.8 และการลงทุนภาครัฐที่ลดลงร้อยละ4.3 นอกจากนี้ ภาคการก่อสร้าง ยังปรับตัวลดลงร้อยละ 5.5 เป็นผลมาจากงบลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่หดตัว



          ทั้งนี้ ในช่วงที่เหลือของปี รัฐบาลจะต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งมองว่าการเบิกจ่ายมีแนวโน้มดีขึ้นจากสัญญาผูกกันงบประมาณที่ผ่านมา และการเบิกจ่ายเม็ดเงินลงุทนของรัฐบาลที่ดีขึ้นตั้งแต่เริ่มครึ่งปีหลัง ซึ่งเติบโตมากกว่าเดิม ประกอบกับจะมีเม็ดเงินงบประมาณรายจ่าย ปี 68 ที่จะเริ่มออกมาในเดือนต.ค.67 เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/57 มีเม็ดเงินเบิกจ่ายลงทุนมากขึ้นด้วย





           ส่วนมูลค่าการส่งออกในรูปของดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 2อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี อยู่ในช่วงร้อยละ 0.4-0.9 ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 2,600 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 2.3 ต่อ GDP ทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิ.ย.67 อยู่ที่ 224,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมิ.ย.67 อยู่ที่ 11.54 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 63.5 ต่อ GDP



            เลขาธิการสภาพัฒน์ เห็นว่า ยังมีประเด็นท้าทายสำคัญสำหรับเศรษฐกิจไทย คือ การฟื้นตัวที่ล่าช้าของภาคการผลิต และการปรับโครงสร้างการผลิต โดยมองว่าภาคอุตสาหกรรมของไทยยังคงขยายตัวในระดับต่ำ การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้า สอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าส่งออกสำคัญ ซึ่งจะเห็นได้ว่าโครงสร้างสินค้าส่งออกของไทย ยังเป็นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นกลางเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่การส่งออกสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงยังมีสัดส่วนที่ต่ำ



          นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้รับผลกระทบจากปัญหาการนำเข้าสินค้าราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือคุณภาพต่ำ



         สภาพัฒน์ ยังเห็นว่าการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี 2567 ควรให้ความสำคัญกับเรื่องดังต่อไปนี้



+++การรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ



+++การขับเคลื่อนการลงทุนภาคเอกชน โดยให้ความสำคัญกับ การเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ การพัฒนาระบบนิเวศที่เหมาะสมเพื่อดึงดูดอุตสาหกรรมและบริการเป้าหมายให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย การเร่งรัดโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญให้เป็นไปตามแผน การเพิ่มผลิตภาพการผลิตผ่านการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อนำไปสู่การผลิตสินค้าไทยที่มีศักยภาพและมีมูลค่าสูงขึ้น ที่สามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา และมีมาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาด และข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้า



+++การปกป้องภาคการผลิตจากการทุ่มตลาด และการใช้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะการดำเนินการอย่างเคร่งครัดกับผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าสินค้าที่ผิดกฎหมาย หรือหลบเลี่ยงภาษี



+++การดูแลสภาพคล่องให้เพียงพอสำหรับภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ที่มีศักยภาพแต่ประสบปัญหาการเข้าถึงสภาพคล่องให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ และลดการอาศัยแหล่งเงินกู้นอกระบบ ควบคู่ไปกับการยกระดับศักยภาพการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs



          ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดภาคเช้า 1,317.64 จุด เพิ่มขึ้น 14.64 จุด ขานรับนายกรัฐมนตรีใหม่ ประกอบกับเช้านี้สภาพัฒน์แถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/67 เติบโตตามที่ตลาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นไปกว่า 10 จุด เป็นไปตามบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียสดใส



          นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิงในวันศุกร์ที่ 23 ส.ค. เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ โดยคาดหวังการส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด



อ่านเพิ่มเติม:https://www.facebook.com/share/p/VfmaPD3ZEsPHR4mn/



#จีดีพีบวก



#สภาพัฒน์

ข่าวทั้งหมด

X