รอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครต(DNC)ของสหรัฐฯจะใช้จ่ายงบประมาณ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อจัดทำโครงการรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในต่างแดน ไปลงทะเบียนเลือกตั้ง เพื่อเพิ่มโอกาสให้รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครประธานาธิบดีและนายทิม วอลซ์ ผู้สมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต จะชนะอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครประธานาธิบดีและนายเจดี แวนซ์ ผู้สมัครรองประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้ง 5 พ.ย.นี้ สัดส่วนชาวอเมริกันที่อยู่ในต่างแดนคิดเป็นร้อยละ 8 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 161.42 ล้านคนของสหรัฐ
นับเป็นครั้งแรกที่พรรคเดโมแครตจัดทำโครงการรณรงค์การเลือกตั้งในลักษณะนี้ในต่างแดน โดยเฉพาะเม็กซิโกและยุโรป ซึ่งมีจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอเมริกันอาศัยอยู่มากที่สุด โดยพรรคจะนำเงินทุนมาจากโครงการผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตในต่างแดน (Democrats Abroad) ซึ่งเป็นองค์กรตัวแทนผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตที่อาศัยอยู่นอกสหรัฐฯ มาใช้จ่ายเพื่อรณรงค์ให้ชาวอเมริกันมาลงทะเบียนเลือกตั้ง และเผยแพร่ข้อมูลข่าวเรื่องวิธีการลงคะแนนเสียงในต่างแดน
เจ้าหน้าที่ DNC กล่าวว่า ชาวอเมริกันกว่า 1.6 ล้านคน ซึ่งมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ในรัฐที่เป็นพื้นที่เลือกตั้งที่ทั้งสองพรรคมีคะแนนสูสี เช่น รัฐอริโซนา,จอร์เจีย,มิชิแกน,เนวาดา,นอร์ทแคโรไลนา,เพนซิลเวเนีย และรัฐวิสคอนซิน อาศัยอยู่ในต่างแดน ซึ่งพรรคจะมุ่งการรณรงค์หาเสียง เพื่อได้คะแนนจากกลุ่มนี้ให้มากที่สุด อีกทั้งเป็นสนามเลือกตั้งจะชี้ขาดว่า ใครจะชนะการเลือกตั้ง ระหว่างนางแฮร์ริส กับ นายทรัมป์ ดั่งเช่นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่แล้วปี 2563 ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตชนะนายทรัมป์ เพียง 44,000 คะแนนจากผลเลือกตั้งในรัฐอริโซนา,จอร์เจียและรัฐวิสคอนซิน
พรรคเดโมแครตเชื่อว่า ในการเลือกตั้งในครั้งนี้ผลคะแนนจะสูสี คาดว่าพรรคที่ชนะจะชนะด้วยคะแนนไม่มากนักและขณะนี้เหลือระยะอีก 3 เดือนจะถึงวันเลือกตั้ง ทุกคะแนนล้วนมีความสำคัญ รวมถึงผลการเลือกตั้งของเจ้าหน้าที่อเมริกันที่ปฏิบัติงานในต่างแดนหรือจากชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในต่างแดน
สำหรับผลโพลจากนิวยอร์ก ไทม์และวิทยาลัยเซียนา คอลเล็จ เปิดผลสำรวจในรัฐวิสคอนซิน,มิชิแกนและรัฐเพนซิลเวเนียเมื่อเร็วๆนี้ พบว่า แฮร์ริส มีคะแนนนำนายทรัมป์ ทั้งสามรัฐ แห่งละ 4 จุด แตกต่างจากผลสำรวจก่อนที่นายไบเดน จะถอนตัวจากการลงเลือกตั้งในเดือนที่แล้ว
ส่วนผลสำรวจคะแนนนิยมทั่วประเทศ จากรอยเตอร์/อิปซอสส์ ซึ่งประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว(8 ส.ค.) พบว่า นางแฮร์ริส มีคะแนนนำนายทรัมป์ 5 จุด ที่ร้อยละ 42 ต่อร้อยละ 37 แสดงให้เห็นว่า นางแฮร์ริส มีคะแนนนิยมเพิ่มจากการสำรวจครั้งก่อนระหว่างวันที่ 22-23 ก.ค. ซึ่งนางแฮร์ริส มีคะแนนนำนายทรัมป์ที่ร้อยละ 37 ต่อร้อยละ 34
#การเมืองสหรัฐ