*การท่าเรือฯ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ปลูกพันธุ์ไม้เก่านครเขื่อนขันธ์ สมุทรปราการ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ*

05 มิถุนายน 2558, 12:56น.


การจัดกิจกรรมปลูกและซ่อมแซมป่าไม้ บริเวณพื้นที่สีเขียวเชิงนิเวศนครเขื่อนขันธ์ จ.สมุทรปราการ ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือ กทท.มีพล.ร.อ. จักรชัย ภู่เจริญยศ กรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดงาน นางอัฌนา พรหมประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ กทท. สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงิน  ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานบริหารโครงการในพื้นที่สีเขียวเชิงนิเวศนครเขื่อนขันธ์ เล่าให้ฟังว่า พื้นที่นี้แต่เดิมขาดความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้และต้องการอนุรักษ์เป็นพื้นที่สีเขียวและเป็นปอดให้กรุงเทพฯ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงได้เริ่มปลูกป่าในพื้นที่นี้ตั้งแต่ปี2554 ในปีแรกได้ปลูกต้นไม้กว่า 1,470 ต้น และแต่ละพันธุ์ไม้ที่ปลูกเป็นพันธุ์ไม้ที่หายากกว่า 40 พันธุ์ เช่น มะหวด พิลังกาสา อินจัน เพื่ออนุรักษ์พันธุ์ไม้เก่าๆไว้ ทำให้ต่อมากรมป่าไม้ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ได้ส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวที่มีอยู่กว่า 14 ไร่ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยดูแล การจัดกิจกรรมในวันนี้ทำต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และจากการสำรวจในปีนี้พบว่าต้นไม้ที่ปลูกไว้เติบโตดีกว่า 1,376 ต้นมีเพียง 96 ต้นที่ตายลงจึงได้ปลูกทดแทนในวันนี้ และได้รดน้ำพรวนดินให้กับต้นไม้ต่างๆเพิ่มเติม ทั้งนี้เมื่อปลูกต้นไม้เสร็จแล้วจะมีการติดป้ายชื่อพันธุ์ไม้ที่ปลูก เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาได้เรียนรู้และหวังว่าพื้นที่นี้จะเป็นสถานที่พักผ่อนและจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้กับนักท่องเที่ยวได้ด้วย  เพราะด้านข้างของพื้นที่นครเขื่อนขันธ์มีตลาดน้ำบางน้ำผึ้งเปิดให้บริการด้วย  นางอัฌนา กล่าวว่า ปีหน้าจะกลับมาดูอีกครั้งว่าผลที่ปลูกในปีนี้เป็นเช่นไร และนอกจากพื้นที่นี้แล้ว กรมป่าไม้ยังได้เสนอพื้นที่สีเขียวอีก 10 ไร่บริเวณต.ทรงคะนอง จ.สมุทรปราการ ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยรับผิดชอบด้วย ซึ่งก็ยินดีที่จะรับมาดูแล





ส่วนการทำงานบริหารกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรือตรีทรงธรรม จันทประสิทธิ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือกรุงเทพ รักษาการแทนผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยในปีนี้ว่า รวม 5 ท่าเรือแล้วจะมีรายได้ประมาณ 14,000ล้านบาท คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 5,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 13,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,100 ล้านบาท คาดว่า จะมีตู้ส่งสินค้าส่งออกที่ท่าเรือกรุงเทพฯตลอดปีประมาณ 1,530,000ทีอียู  เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 30,000ทีอียู และคาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 3-4  ส่วนท่าเรือแหลมฉบัง คาดว่าจะโตขึ้นร้อยละ 8 น่าจะมีตู้เข้ามาเทียบท่าส่งออกประมาณ 6,800,000ทีอียูด้วย



ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร 

ข่าวทั้งหมด

X