โพลชี้แฮร์ริสได้รับคะแนนนิยมจากกลุ่มผิวสีมากขึ้น-ทรัมป์มีคะแนนนิยมในกลุ่มคนผิวขาวเพิ่มเล็กน้อย

          การจัดทำโพลของสำนักข่าวรอยเตอร์/อิปซอสส์ ซึ่งสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันกว่า 10,000 คนจากการสุ่มสำรวจความเห็นรวม 7 ครั้งทั่วประเทศสหรัฐฯนับตั้งแต่เดือนพ.ค.พบว่า นางกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต มีคะแนนนิยมในกลุ่มอเมริกันผิวสีในสัดส่วนที่มากกว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในช่วงก่อนที่นายไบเดนยังไม่ถอนตัวออกจากการแข่งขันในเดือนที่แล้ว ขณะที่คะแนนนิยมสำหรับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันในกลุ่มคนผิวขาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วง 2-3 เดือนมานี้

          ร้อยละ 70 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผิวสีจากผลสำรวจในเดือนก.ค.เลือกนางแฮร์ริส แทนที่จะเลือกนายทรัมป์ เพิ่มจากร้อยละ 59 ที่เลือกนายไบเดนจากผลสำรวจในเดือนพ.ค.และเดือนมิ.ย.สำหรับสัดส่วนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผิวสีที่เลือกนายทรัมป์เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ในเดือนก.ค.จากร้อยละ 9 ตามผลสำรวจในเดือนพ.ค.และเดือนมิ.ย.

          อย่างไรก็ตาม พบว่า นายทรัมป์มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผิวขาว ร้อยละ 50 ในเดือนก.ค.เพิ่มจากร้อยละ 46 จากผลสำรวจในเดือนพ.ค.และเดือนมิ.ย.ขณะที่นางแฮร์ริส มีสัดส่วนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผิวขาวร้อยละ38 ในเดือนก.ค. เทียบกับร้อยละ 36 ตามผลสำรวจในเดือนพ.ค.และเดือนมิ.ย.

          ผลสำรวจในเดือนที่แล้ว(ก.ค.) นางแฮร์ริสและนายทรัมป์มีคะแนนนิยมเท่ากันที่ร้อยละ 43 ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นจุดแข็งและจุดอ่อนอย่างมีนัยสำคัญสำหรับนางแฮร์ริส ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีในนามพรรคเดโมแครตแทนนายไบเดน

           ขณะเดียวกัน ผลโพลจากสำนักวิจัยพิวของสหรัฐฯระบุว่า ในการเลือกตั้งปี 2563 คนผิวขาวเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกลุ่มใหญ่ที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 72 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดของสหรัฐฯ ขณะที่อเมริกันผิวสีคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11 แต่พวกเขาเป็นตัวประสำคัญสำหรับพรรคเดโมแครต และอาจจะเป็นกลุ่มประชากรที่มีผลต่อการเลือกตั้งสหรัฐฯในปีนี้

           การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว นายไบเดนได้คะแนนเสียงจากกลุ่มอเมริกันผิวสีร้อยละ 92 ขณะที่นายทรัมป์ได้คะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผิวขาวร้อยละ 55

#โพลสหรัฐ

#การเลือกตั้ง2024