*ชาวนาตัวอย่างจากภาคอีสาน-ใต้ สาธิตวิธีการทำนาเน้นเกษตรอินทรีย์ พึ่งพาตัวเอง*

การทำนาของครอบครัวชาวนาตัวอย่างในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน ในส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คุณวินิจ สุภาจันทร์ อายุ 52 ปี ทำนาอยู่ที่ตำบลนาเวียง อำเภอเสนานิคม จังหวัดอำนาจเจริญ เล่าให้ฟังว่า สืบทอดการทำนามา 3 ชั่วอายุคน ได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดวิธีการทำนา เพราะภาคตะวันออกเฉียงเหนือประสบกับปัญหาภัยแล้ง จึงจำเป็นต้องจัดหาแหล่งน้ำสำรองโดยการทำฝายและขุดบ่อ เพื่อเก็บน้ำในฤดูฝน ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานทดแทนในการสูบน้ำมาใช้ในแปลงนา รวมทั้งได้ศึกษาหาวิธีการปรับปรุงวิธีการทำนาให้เหมาะกับพื้นที่ และหันมาทำนาแบบเกษตรอินทรีย์อย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2547 จนปัจจุบันมีผลผลิตสูงถึง 600-700 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีการรวมกลุ่มผู้ปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์คุณภาพ จัดตั้งกลุ่ม "ข้าวสัจธรรมอำนาจเจริญ" ซึ่งได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ หรือ มกท. คุณวินิจ ฝากข้อคิดทิ้งท้ายด้วยว่า การทำนาต้องรู้จักการพึ่งพาตัวเอง ไม่ต้องรอนโยบายของรัฐ ต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง ต้องปรับปรุงแนวคิด แนวทางการทำนาให้เข้ากับยุคสมัย จึงจะสามารถอยู่ได้

ส่วนครอบครัวชาวนาตัวอย่างภาคใต้ คุณบุญเรือน ทองจำรัส อายุ 56 ปี ทำนาในพื้นที่ตำบลดอนตรอ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช เล่าให้ฟังว่า ในอดีตได้ออกไปทำงานในโรงงานย้อมสีผ้าที่จ.นครปฐม แต่ด้วยความที่เป็นห่วงแม่ที่มีอายุมาก จึงกลับมาอยู่บ้าน และได้ทำนาร่วมกับแม่มาโดยตลอด ไม่ได้เปลี่ยนไปปลูกปาล์มน้ำมันเหมือนคนอื่น เนื่องจากได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศมาเลเซีย พบว่าพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังไม่เหมาะกับการปลูกปาล์ม เนื่องจากปาล์มเป็นพืชที่มีรากฝอยเยอะ และดินในพื้นที่นั้นเป็นดินเหนียว แตกระแหงง่าย จึงยึดอาชีพการทำนาเป็นหลัก โดยมีวิธีการหาพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ เนื่องจากปัญหาในอดีตคือ คนในพื้นที่ไม่กินข้าวที่ตัวเองปลูกเพราะแข็ง ก็เลยหาข้าวคุณภาพดี มีการแปรรูปเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน มีโรงสีเอง และรวมกลุ่มกับชาวบ้านเพื่อผลิตสินค้าการเกษตรให้ได้มาตรฐาน โดยยึดหลักการพึ่งพาตัวเองเป็นหลัก จึงไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ หรือปัญหาจากนโยบายภาครัฐ

ครอบครัวชาวนาตัวอย่างได้รับการคัดเลือกจากมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดมอบรางวัลให้ มุ่งหวังว่ารางวัลที่ได้รับจะเป็นแรงจูงใจให้ชาวนาไทยพร้อมใจกันรักษาอาชีพการทำนาให้คงอยู่และสืบทอดไปยังคนรุ่นหลังต่อไป

ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข