วันที่ 14 ส.ค.67 คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำตัดสินคดี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ มีการสอบถามว่า หากผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พบว่านายกฯไม่มีปัญหา มีความเป็นไปได้ที่จะปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ คดีของตนก็จบแล้ว เพราะศาลไม่เรียกข้อมูลเพิ่มเติม ก็ส่งคำแถลงปิดคดีไปเรียบร้อยแล้ว ขอย้ำว่าต้องดูแลปัญหาบ้านเมืองอย่างเดียว และไม่อยากคิดไปไกลเรื่องการปรับเปลี่ยนครม. เพราะระยะเวลาที่เหลืออีกประมาณ 3 ปี แน่นอนว่าคงต้องปรับเปลี่ยนเป็นธรรมดา แต่ไม่ได้เอามาโยงกับเรื่องวันที่ 14 ส.ค.67 หรือกรณีของพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 ส.ค.67 คิดว่า อย่าโยงดีกว่า บางเรื่องไปโยงแล้วซับซ้อนทำให้เกิดความเข้าใจผิด และอาจเบี่ยงเบนความสนใจในบางเรื่องที่ควรต้องคิดต้องทำ ไม่อยากให้รัฐมนตรีทุกคนที่พยายามทำงานเต็มที่เกิดความไขว้เขวในเรื่องนี้
หากปรับครม.พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะอยู่ด้วยกัน หรือจะมีการปรับออกและเอาคนใหม่เข้ามา นายเศรษฐา ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว นายกฯหวาดระแวงกับกระแสที่จะมีบุคคลมานั่งแทนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องการเมืองก็เกิดขึ้นตลอดเวลา หลายพรรคก็บอกว่า 314 เสียง แน่นอยู่แล้ว ถ้าเกิดพะว้าพะวังในเรื่องที่ใช้คำว่าอาจจะ ก็ต้องบอกว่าไม่อยากให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องในการดูแลบ้านเมืองไขว้เขว
เมื่อถามย้ำว่า การดึงเสียงมาเพิ่มจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้เสียงของรัฐบาลแน่นขึ้นจำเป็นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องโยงการปรับครม.หรือดึงคนมาเสียบ ปรับคนออก เวลานี้ปัญหาเยอะ ที่ต้องช่วยเหลือกันไป หน้าที่รัฐบาลคือต้องแก้ปัญหาเหล่านี้
#นายก
#คดีตั้งพิชิต
Cr.ขอบคุณภาพ รัฐบาลไทย