การคัดเลือกครอบครัวชาวนาตัวอย่าง ตามที่มูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้คัดเลือก เพื่อเชิดชูเกียรติและหวังว่าความสำเร็จและความมุ่งมั่นจะเป็นแรงบันดาลใจในการสืบทอดอาชีพการทำนาให้กับคนรุ่นหลัง ครอบครัวชาวนาตัวอย่างภาคกลางที่ได้รับการคัดเลือกคือครอบครัวของคุณนพดล สว่างญาติ อายุ 33 ปี ซึ่งทำนาในพื้นที่ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คุณนพดล เล่าให้ฟังว่า สืบทอดการทำนามาแล้ว 4 ชั่วอายุคน และได้รับแรงบันดาลใจจากคุณพ่อ โดยสังเกตว่าคุณพ่อทำนาต่างจากคนอื่น คือ พยายามหาวิธีที่ดีที่สุดในการทำนา จึงช่วยหาข้อมูลและเทคนิคใหม่ๆ จนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงเกิดแรงบันดาลใจและลาออกจากการทำงานประจำมาทำนาอย่างเต็มตัว โดยเริ่มมีแนวคิดสร้างสรรค์และริเริ่มปรับปรุงวิธีการทำนาให้เหมาะสมกับสภาพนา ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ตอนเตรียมดิน โดยทำนาปีละ 2 ครั้ง (ทำ 4 เดือน พัก 2 เดือน) เลือกวิธีการหว่าน เพื่อผลิตข้าวบริโภคและจำหน่าย และใช้วิธีการหยอดเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว มีการจดบัญชีต้นทุนการผลิตข้าวอย่างละเอียด ใช้แปลงนาทดลองปลูกข้าวโดยการใช้เมล็ดพันธุ์ในอัตราแตกต่างกัน เพื่อเปรียบเทียบการใช้เมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสม เป็นการลดตุ้นทุนผลิตข้าว มีการขุดบ่อเพื่อกักเก็บและพักน้ำด้วย ขณะที่ส่วนตัวมองแล้วว่าปัญหาของชาวนาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้คือ ไม่มีการปรับเปลี่ยนวิธีการให้เข้ากับยุคสมัย จะเกิดปัญหาทำแล้วไม่ได้กำไร ทำแล้วขาดทุน ต้องพึ่งพานโยบายของรัฐ ซึ่งวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ คือ ต้องเริ่มแก้จากตัวเองก่อน ต้องศึกษาหาความรู้และปรับกระบวนการคิด จึงจะประสบความสำเร็จในการทำนา
ด้านครอบครัวชาวนาตัวอย่างภาคเหนือ คุณพิษณุ อรรคนิวาส อายุ 53 ปี ทำนาในพื้นที่ตำบลงิ้วลาย อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ได้เล่าให้ฟังว่า สืบทอดการทำนาแล้ว 3 ชั่วอายุคน โดยในอดีตได้ใช้วิธีการทำนาแบบเดิม คือ ใช้วิธีหว่านน้ำตม และทำนาปี จึงทำให้เกิดปัญหาเรื่องหญ้าเป็นจำนวนมาก และมีแมลงรบกวนโดยตลอด แต่เมื่อประสบภัยแล้ง ผลผลิตจึงต่ำและทำให้ขาดทุน จึงได้ศึกษาค้นคว้าหาวิธีแก้ปัญหาการทำนา โดยใช้น้ำอย่างประหยัดและได้ผลผลิตสูง จึงได้วิธีการปักดำผสมผสานเทคนิคการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง แกล้งข้าว ซึ่งลดปริมาณน้ำและเพิ่มผลผลิตสูงขึ้น มีการเลี้ยงแหนแดงและเลี้ยงเป็ดในนาข้าว ผลิตน้ำหมักชีวภาพป้องกันและกำจัดโรคพืช มีการวิเคราะห์ค่าดิน หาค่าความเป็นกรด-ด่าง และปรับปรุงดินก่อนปลูก ส่วนปัญหาของชาวนาส่วนใหญ่ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ส่วนตัวมองว่า ไม่มีการลดต้นทุนการผลิต เมื่อได้กำไรแล้วกลับไปเพิ่มต้นทุน ทำให้มีรายได้น้อย เมื่อราคาข้าวตกต่ำก็ขาดทุน ซึ่งแนวทางการสืบทอดจากนี้ ต้องทำให้ลูกเห็นคุณค่าของการทำนา และมีใจอยากจะทำนาด้วยตัวเอง
ผู้สื่อข่าว:สมจิตร พูลสุข