เขื่อนเจ้าพระยา ปรับเพิ่มการระบายน้ำ รับฝนตกทางตอนบน ระดับน้ำท้ายเขื่อน ชัยนาท อยุธยา สูงขึ้น

           ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา  ประจำวันที่ 22 ก.ค.67 เวลา 06.00 น. มีปริมาณน้ำไหลผ่าน สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ อยู่ในอัตรา 1,081 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวสูงขึ้น กรมชลประทาน ทำการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่ง พร้อมระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 559 ลบ.ม./วินาที โดยจะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝนที่ตกทางตอนบน

           กรมชลประทาน จะควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด โดยจะพิจารณาถึงความมั่นคงของตัวเขื่อน และผลกระทบต่อประชาชน หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิดด้วย

         สถานการณ์น้ำ เมื่อวานนี้ (21 ก.ค.67) เวลา 12.00 น. ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,024 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ระดับ +16.46 เมตรเทียบกับน้ำทะเลปานกลาง(ม.รทก.)  กรมชลประทาน ได้รับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้ประโยชน์ พร้อมปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในอัตรา 459 ลบ.ม./วินาที ทั้งนี้ จะรักษาระดับน้ำเหนือเขื่อนไว้ไม่ให้เกินระดับ +16.50 ม.รทก. คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะมีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 500-700 ลบ.ม. / วินาที

         เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำฝนและน้ำท่า จึงได้ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ควบคู่กันไปด้วย เพื่อช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้มากที่สุด หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น             เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์( 20 ก.ค.67) ปรับการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 260 ลบ.ม./วินาที คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยจะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 300-500 ลบ.ม./วินาที ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝนที่ตกทางตอนบน

          จากสถานการณ์ดังกล่าว จะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ถึงบริเวณตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าวยังคงอยู่ในตลิ่งและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่           กรมชลประทาน จะควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด โดยจะพิจารณาถึงความมั่นคงของตัวเขื่อน และผลกระทบต่อประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งประสานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ให้ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ รวมทั้งพิจารณารับน้ำเข้าระบบชลประทานในพื้นที่ตอนบน รวมไปถึงพื้นที่ฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มเติม โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในพื้นที่ และปรับลดการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อลดผลกระทบด้านท้ายน้ำ หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น 

#เขื่อนเจ้าพระยา

#ปรับเพิ่มการระบายน้ำ

#ฝนตก

Cr:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ กรมชลประทาน